POLITICS

‘ปิยะรัฐชย์‘ ชงนายกฯ นำร่องตั้งองค์กรแก้ฝุ่นพิษ ผลักดันบนเวทีโลก

‘ปิยะรัฐชย์‘ หนุนสภาฯ เอาจริง ออกฎหมายจัดการอากาศสะอาดเป็นรูปธรรม ชงนายกฯ นำร่องตั้งองค์กรแก้ฝุ่นพิษ ผลักดันบนเวทีโลก

เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2567 น.ส.ปิยะรัฐชย์ ติยะไพรัช สส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่าการได้สูดอากาศสะอาดเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่จำเป็นของมนุษย์ทุกคนที่ควรได้รับตั้งแต่แรกเกิด ก่อนจะดื่มน้ำหรือรับประทานอาหารเสียด้วยซ้ำไป แต่เมื่อมนุษย์ได้อยู่กับอากาศจนเคยชินจึงอาจไม่เห็นความสำคัญของอากาศ จนเกิดปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ

กิจกรรของมนุษย์เกือบร้อยละ 99 ล้วนส่งผลต่อมลภาวะ โดยเฉพาะมลภาวะทางอากาศ ทั้งจากการเผาไหม้ของยานพาหนะ ภาคการเกษตร การเดินจุดไม้ขีด หรือทิ้งก้นบุหรี่ ทำให้เกิดการเผาป่า จนทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จำนวนมาก รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM 2.5 นี้ สามารถแทรกซึมเข้าสู่ปอดมนุษย์ และเป็นจุดกำเนิดต่อโรคต่างๆที่เป็นอันตรายแก่ชีวิตตามมา

ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข ปี 2563 พบว่ามีผู้ป่วยเกี่ยวข้องกับมลพิษทางอากาศถึง 7 ล้านคน และในปี2566 มีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเป็น กว่า 10 ล้านคน ซึ่งแนวโน้มก็จะสูงขึ้นในทุกๆปี โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนหรือฤดูแล้งของประเทศไทยมักเกิดปัญหาสม่ำเสมอ

นอกจากนี้ ยังมีการสำรวจตัวอย่างจากปัญหาหมอกควันพิษในอินโดนีเซียโดยใช้ดาวเทียม พบว่ากลุ่มควันสามารถเคลื่อนย้ายจากอินโดนีเซียไปยังเกาหลีใต้ได้ ทำให้ปัญหาหมอกควัน กลายเป็นเรื่องไร้พรมแดนไปแล้ว

สะท้อนว่าทั่วโลกต้องอาศัยการร่วมมือร่วมใจกันระหว่างประเทศมากขึ้น และไทยเองต้องสร้างความสัมพันธ์พิเศษกับประเทศรอบบ้านมากขึ้น

แต่อย่างที่ทราบโดยรอบบ้านประเทศไทยนั้น มีจำนวนชนกลุ่มน้อยที่ถูกแบ่งการบริหารจัดการพื้นที่แบบดูแลตัวเอง ชนกลุ่มน้อยเหล่านั้นไม่ได้ฟังเสียงรัฐบาลของตนเองเป็นหลัก เราจึงไม่สามารถใช้วิธีการเจรจาผ่านกระทรวงการต่างประเทศได้อย่างสำเร็จเลย

น.ส.ปิยะรัฐชย์ เสนอว่า ไทยต้องใช้วิธีทางกฎหมายระหว่างประเทศและความสัมพันธ์กับชนกลุ่มน้อยต่างๆ และร่วมมือกับภาคเอกชน เพื่อแก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 พร้อมกับสนับสนุนให้สภาเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. … ที่คณะรัฐมนตรีเสนอเข้าสู่สภา เพื่อนำไปสู่การตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาฯขึ้น และเสนอรัฐบาลผลักดันเรื่องอากาศสะอาดเป็นนโยบายเร่งด่วน มีกฎหมายที่บังคับใช้ได้จริง และเข้มงวดการบังคับใช้ ได้ผลเป็นรูปธรรม

นอกจากนี้ ยังเห็นว่ารัฐบาลต้องเร่งสร้างความร่วมมือกับนานาประเทศ แม้แต่ละประเทศมีระดับเศรษฐกิจที่ต่างกันแต่สามารถอาศัยศักยภาพที่มีต่างกันทั้งองค์ความรู้ และการลงทุนมาแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกันได้

โดยเสนอให้ไทยยกระดับสถานะประเทศทางความมั่นคงบนเวทีนานาชาติด้วย การให้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ริเริ่มตั้งองค์กรความมั่นคงด้านสิ่งแวดล้อมขึ้นในองค์การสหประชาชาติ เมื่อไทยได้เป็นสมาชิกถาวร จะยังประโยชน์ต่อการได้รับงบประมาณ ความร่วมมือระหว่างประเทศ และยังสร้างผลงานให้กับประเทศไทยที่ดีอีกด้วย

Related Posts

Send this to a friend