‘อนุทิน’ ดัน ‘ปราบสแกมเมอร์’ เป็นวาระแห่งชาติ เปลี่ยนจากตั้งรับเป็นรุกไล่ ยัน พร้อมเอาผิดขั้นเด็ดขาดเจ้าหน้าที่รัฐ-นักการเมือง เอี่ยวพัวพัน
วันนี้ (10 พ.ย. 68) เวลา 10.30 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการแถลงผลการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี United Thailand Against Scammers ‘รวมพลังคนไทยต้านภัยสแกมเมอร์’ โดยมี นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย รวมถึง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร่วมแถลง
ในการนี้ นายกฯ พร้อมด้วยปลัดกระทรวงมหาดไทย และ ผบ.ตร. ร่วมมอบเช็คเงินสดให้กับผู้เสียหายตามโครงการ ‘Money Cash Back’ นำเงินที่ผู้เสียหายถูกหลอกรวม 33 ราย เป็นเงิน 15 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาติดตามเงินคืนให้กับผู้เสียหายรวม 312 ล้านบาท
นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องเร่งทำให้ความเดือดร้อนจากภัยสแกมเมอร์สูญสิ้นไปจากประเทศไทย เพราะเป็นเรื่องที่ส่งผลให้เกิดความเดือดร้อน ทั้งเรื่องเงิน และความเชื่อมั่น ระบบเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนของประเทศ เป็นตัวชี้วัดผลงานรัฐบาล จึงเป็นที่มาของการประกาศให้การปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และขบวนการสแกมเมอร์ เป็นวาระแห่งชาติ
ทั้งนี้ ได้ตั้งคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีการลงนามบันทึกความเข้าใจ 15 หน่วยงาน อุดช่องโหว่ และตัดเส้นทางเงินผู้กระทำผิด เปลี่ยนจากการตั้งรับเป็นการรุกไล่
นายอนุทิน ย้ำว่า รัฐบาลไม่เคยนิ่งนอนใจ และรับฟังเสียงสะท้อนที่เกิดขึ้น พร้อมกำชับผู้บังคับบัญชาทุกหน่วยงานทำงานอย่างเต็มที่ หากมีข้อมูลนักการเมือง หรือเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปพัวพัน ให้ส่งข้อมูลไปยังผู้บังคับบัญชาหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ดำเนินการโดยตรง ยืนยันว่า เรื่องนี้เคลียร์ไม่ได้ ไม่มีการเคลียร์ ถ้าชื่อคนไหนโผล่ออกมาต้องถูกดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด ไม่มีข้อยกเว้น และรัฐบาลจะคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแสอย่างเต็มที่
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ขอให้ยึดหลัก 3 ข้อ ‘ไม่เชื่อ ไม่รีบ และไม่โอน’ หากมีผู้แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ส่งลิงก์ให้กรอกข้อมูลยืนยันตัวตน ให้สันนิษฐานก่อนว่าเจอมิจฉาชีพ ขอให้รับฟังข้อมูลข่าวสาร และช่วยเตือนคนใกล้ตัว โดยรัฐบาลจะเดินหน้ารณรงค์ในทุกพื้นที่ และดำเนินการทุกวิถีทาง ทุกช่องทาง เพื่อคนไทยรู้ทันสแกมเมอร์ และจะดำเนินการจนกว่าอาชญากรรมเหล่านี้ไม่สามารถทำลายประชาชนได้
นายอนุทิน กล่าต่อว่า ประเทศไทยทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเราเป็นศัตรูกับสแกมเมอร์ดีที่สุด เพราะเราไม่มีศูนย์กลาง ไม่มีสแกมเมอร์ในพื้นที่ สแกมเมอร์อยู่รอบประเทศเรา เราต้องใช้การแสวงหาความร่วมมือต่าง ๆ กดดัน รัฐบาลยินดีสนับสนุนทุกวิถีทาง เราจะปิดช่องทางอย่างเต็มที่
ด้าน พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผช.ผบ.ตร. กล่าวว่า สถานการณ์ไซเบอร์สแกมเมอร์รุนแรงส่งผลกระทบทั่วโลก จากสถิติ Global Anti-Scam Alliance (GASA) พบการโจมตีทั่วโลกมูลค่ากว่า 1 ล้านล้านบาท ภูมิภาคเอเชียได้รับผลกระทบมากสุด 688,000,000,000 USD โดยประเทศจีนโดนหนักสุด เช่น เมืองเล่าก์ก่าย (Laukkaing) มีอาคารสูงทันสมัยเป็นฐานของสแกมเมอร์มากถึง 6 อาคาร มีคนร้ายถูกจับกุม 5,000 กว่าคน เป็นคนไทยกว่า 500 คน และถูกส่งตัวกลับมา
ส่วนประเทศไทยตลอด 3 ปี มีสถิติสะสมกว่า 1 ล้านเคส เสียหายมากกว่า 100,000 ล้านบาท มีรับแจ้งเหตุใหม่ 300,000 เคส เสียหาย 20,000 ล้านบาท แต่ละวันมีเหตุใหม่วันละมากกว่า 3,000 เรื่อง เสียหายวันละกว่า 70,000,000 บาท
การแก้ปัญหาต้องแก้จากต้นเหตุ เช่น เจรจา หรือกดดันประเทศที่เป็นฐานสแกมเมอร์ด้วยวิธีการต่าง ๆ รวมถึงแทรกแซง เช่น ตัดอินเทอร์เน็ต ไฟฟ้า น้ำมัน แต่หากไม่ร่วมมือก็ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้คนไทยปลอดภัย ซึ่งความร่วมมือภายในและภายนอกประเทศจะนำไปสู่ความสำเร็จในการปราบปราม ซึ่ง 1 เดือนที่ผ่านมาเห็นความเปลี่ยนแปลง และจะสู้อย่างเต็มที่












