‘สวัสดิ์’ เผย ศาลเลื่อนนัดฟังคำพิพากษาเป็นบ่ายนี้ หลัง ‘ธาริต’ ยื่นคัดค้านองค์คณะศาลฎีกา
‘สวัสดิ์’ ทนายความ ‘สุเทพ’ เผย ศาลเลื่อนนัดฟังคำพิพากษาเป็นบ่ายนี้ หลัง ‘ธาริต’ ยื่นคัดค้านองค์คณะศาลฎีกา พร้อมกลับคำปฏิเสธในชั้นศาล
วันนี้ (10 ก.ค. 66) นายสวัสดิ์ เจริญผล ทนายความที่ได้รับอำนาจจากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ผอ.ศอฉ.) ในการสลายการชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อปี 2563 ให้สัมภาษณ์ก่อนร่วมฟังคำพิพากษาศาลฎีกา คดีที่นายสุเทพ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ฟ้องนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และพวก ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และเจตนากลั่นแกล้ง ให้ถูกดำเนินคดีฐานสั่งฆ่าประชาชน ในการสลายการชุมนุมกลุ่ม นปช.
นายสวัสดิ์ กล่าวว่า กรณีที่นายธาริต แถลงเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคมที่ผ่านมา เป็นคนละประเด็นกับคดีดังกล่าว ศาลได้ระบุไว้แล้วว่าเหตุการณ์ปี 53 ในสำนวนระบุไว้ว่ามีอาวุธ และความร้ายแรง ซึ่งเหตุการณ์ในวันที่ 10 เมษายนปี 2553 เราก็เห็นอยู่แล้วมีกองกำลังใช้อาวุธยิงเจ้าหน้าที่ทหาร และพอเปลี่ยนรัฐบาลก็ทำสำนวนว่าการชุมนุมของ นปช. สงบ และไม่มีอาวุธ ส่วนเหตุที่มีการตายเกิดขึ้น อ้างว่านายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพสั่งให้นำทหารออกมา โดยศาลอุทธรณ์ได้ระบุไว้ว่า การทำสำนวนในตอนแรกมีการสั่งฟ้องข้อหาก่อการร้ายกับกลุ่ม นปช. ซึ่งเห็นอยู่แล้วว่านายอภิสิทธิ์กับนายสุเทพไม่มีความผิด แต่ตอนหลังกลับคำในสำนวน ซึ่งพฤติกรรมสำคัญในประเด็นดังกล่าวอยู่ตรงนี้
ส่วนการแถลงข่าวของนายธาริต ครั้งล่าสุด ไม่ขอแสดงความคิดเห็น และคิดว่าไม่เกี่ยวกับคดีดังกล่าว แม้เป็นเรื่องที่พูดอาจจะมีต้นสายปลายเหตุมาจากการชุมนุมครั้งเดียวกัน และไม่รู้ว่ามีเหตุผลอะไรถึงออกมาพูด
สำหรับกรณีที่นายธาริต อ้างว่าการรับสารภาพในครั้งนั้นเป็นการรับสารภาพแบบมีเงื่อนไข ซึ่งข้อเท็จจริง ในศาลว่าอย่างไรนั้น นายสวัสดิ์ ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะนายธาริต รับสารภาพ และพร้อมชดใช้ค่าเสียหายให้กับนายอภิสิทธิ์ ซึ่งทางโจทก์ยื่นฟ้องก็ได้โต้แย้งไปแล้วว่าล่วงเลยเวลาในการรับสารภาพ รวมถึงเงินจำนวนดังกล่าว นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพไม่ขอรับเงินดังกล่าวด้วย
เมื่อถามต่อว่า สิ่งที่นายธาริตพูดไม่ตรงใช่หรือไม่ นายสวัสดิ์ เผยว่า เท่าที่ตนเองดูมันไม่มีเงื่อนไขในการขอรับสารภาพ เพียงแต่ยื่นหลักฐาน และมีคำรับสารภาพด้วย ส่วนตรงหรือไม่ตนเองไม่สามารถตอบแทนนายธาริตได้ และหลังจากที่นายธาริตออกแถลงการณ์นายสุเทพก็ไม่ได้มีการมาพูดหรือโต้แย้งอะไร
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากเข้ารอรับฟังคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีดังกล่าว ร่วม 2 ชั่วโมง นายสวัสดิ์ ได้ลงมาให้ข้อมูลกับสื่อมวลชน ระบุว่า ศาลได้แจ้งว่า ในช่วงเช้ายังไม่สามารถอ่านคำพิพากษาได้ เนื่องจากเมื่อวันที่ 7 ก.ค. ที่ผ่านมา นายธาริตขอให้เลื่อนอ่านคำพิพากษา พร้อมแนบคำร้องอีกฉบับส่งให้ศาลฎีกา เพื่อให้ศาลส่งต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่า ม.157 – ม.200 ที่ถูกฟ้องขัดต่อรัฐธรรมนูญจริงหรือไม่
ซึ่งในระหว่างที่รอฟังคำพิพากษา เจ้าหน้าที่ศาลได้แจ้งว่า นายธาริต ได้ยื่นคำร้องเพิ่มอีก 3 ฉบับ คือ การคัดค้านองค์คณะในศาลฎีกา, ยื่นคำร้องขอเลื่อนฟังคำพิพากษาเช่นเดียวกับคำร้องเมื่อวันที่ 7 ก.ค. และขอยกเลิกคำรับสารภาพ และขอกลับคำปฏิเสธในชั้นศาลเหมือนเดิม ซึ่งจะต้องรอฟังคำสั่งศาลฎีกาว่าจะมีคำสั่งให้เลื่อน หรืออ่านคำสั่งเลยหรือไม่ ในช่วงเวลา 14:30 น.
ส่วนกรณีที่นายธาริตมีความไม่สบายใจ ว่ามีองค์คณะในศาลฎีกามีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่ม กปปส. ตนขอไม่ออกความคิดเห็น และส่วนตัวไม่ทราบรายละเอียดในแต่ละคำร้องที่นายธาริตยื่นว่าเป็นอย่างไร ซึ่งตนเองมองว่าควรที่จะต้องเคารพต่อศาล และกระบวนการยุติธรรม












