POLITICS

‘เรืองไกร’ ร้อง กกต.สอบปม ‘พิธา’ ถือหุ้นสื่อ

‘เรืองไกร’ ร้อง กกต.สอบปม ‘พิธา’ ถือหุ้นสื่อ ระบุยื่น ป.ป.ช.สอบพิธาซุกหุ้นแล้ววานนี้

วันนี้ (10 พ.ค. 66) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ( กกต.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ยื่นหนังสือถึง กกต.เพื่อร้องเรียนให้ตรวจสอบกรณี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล ถือหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) จำนวน 42,000 หุ้น ซึ่งนายเรืองไกรระบุว่า ไอทีวี เป็นบริษัทที่กำลังประกอบกิจการอยู่ และมีผลประกอบกิจการผ่านงบการเงิน รวมถึงเป็นบริษัทลูกของบริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) จึงต้องการให้ กกต.ตรวจสอบ กรณีดังกล่าวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (3) ที่ห้ามผู้สมัคร ส.ส. เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์ หรือสื่อมวลชนใดๆ จึงเรียกร้องให้ กกต.ต้องตรวจสอบนายพิธาว่า เข้าข่ายมีลักษณะต้องห้ามไม่ให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.หรือไม่

โดยนายเรืองไกร ระบุว่า “เมื่อคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นผู้สมัคร บัญชีรายชื่อ และเป็นผู้ถูกเสนอชื่ออยู่ในบัญชีนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว จึงมีเหตุที่ต้องมาร้อง กกต.ว่าเข้าลักษณะต้องห้ามเฉพาะตัวคุณพิธาหรือไม่”

นายเรืองไกร ยังระบุอีกว่าแม้ว่านายพิธาจะอ้างว่าเป็นเพียงผู้จัดการมรดกก็ตาม กรณีดังกล่าวอาจคล้ายกับกรณีของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ถือครองหุ้น บริษัท วีลักซ์ มีเดีย จำกัด พร้อมขอให้ตรวจสอบว่า นายพิธา ถือหุ้นจำนวนดังกล่าวมาตั้งแต่เมื่อใด หากถือมาก่อนการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 จะเข้าข่ายมีลักษณะต้องห้ามมาก่อนหรือไม่ และการเป็น ส.ส.ที่ผ่านมาจะชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เมื่อย้อนไปตรวจสอบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินฯ ที่แจ้งต่อ ป.ป.ช.กรณีเข้ารับตำแหน่ง ส.ส. เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2562 นายพิธา แจ้งเงินลงทุนไว้ 45 รายการ แต่ไม่พบการแจ้งหุ้นบริษัทไอทีวี จำกัด (มหาชน) แต่อย่างใด

นายเรืองไกรกล่าวต่ออีกว่า “ต้องขอขอบคุณที่คุณพิธา เองก็ออกมาชี้แจงผ่านโซเชี่ยลเมื่อวานนี้ว่า เป็นเรื่องที่เคยแจ้ง ป.ป.ช.ตนเองก็ขอบคุณที่ยอมรับ กลายๆ ว่าถือหุ้นจริง แต่ถือหุ้นในนามใครเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ก็เป็นเรื่องของกฎหมาย ป.ป.ช.

นายเรืองไกรยังระบุว่า นายพิธาควรจะหารือเรื่องนี้กับ กกต.ไม่ใช่ ป.ป.ช. ในเมื่อไม่มีการตรวจสอบเรื่องนี้และความปรากฏ แม้อีกไม่กี่วันจะเลือกตั้งแล้วก็จำเป็น

นอกจากนั้นนายเรืองไกรยังเปิดเผยต่อสื่อมวลชนอีกด้วยว่าตนเองได้ยื่นเรื่องดังกล่าว กับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช. ) เพื่อให้ตรวจสอบนายพิธา กรณียื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จจากกรณีดังกล่าวแล้วเมื่อวานนี้ ( 9 พ.ค. 66) ทั้งนี้หวังว่าทาง กกต.จะทำตามหน้าที่และอำนาจโดยเร็ว

เมื่อสื่อมวลชนถามว่าการร้องในวันนี้เป็นขัดขาคู่แข่งก่อนวันเลือกตั้งหรือไม่ นายเรืองไกรระบุว่า ไม่เป็นการขัดขา เพราะเป็นการร้องเรียนในฐานะประชาชน และตนเองไม่ได้สนว่าร้องแล้วอีกฝั่งจะได้ประโยชน์หรือไม่

Related Posts

Send this to a friend