รัฐบาลเตรียมตีตั๋วเที่ยวบินพาณิชย์ พาคนไทยบาดเจ็บ 15 คนกลับบ้าน เที่ยวแรก 11 ต.ค.

รัฐบาลเตรียมตีตั๋วเที่ยวบินพาณิชย์ พาคนไทยบาดเจ็บ 15 คนกลับบ้าน เที่ยวแรก 11 ต.ค. หลังอิสราเอลยังไม่เปิดรับเที่ยวบินพิเศษ-กองทัพ เผยยอดแจ้งขอกลับทะลุ 1.4 พันคนแล้ว กต. ประกาศเพิ่มฮอตไลน์รวม 60 คู่สาย เปิดไลน์โอเพ่นแชท-เพจเฟซบุ๊ก ขยายช่องทางรับความช่วยเหลือ

วันนี้ (9 ต.ค. 66) เวลา 15:30 น. นายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการ (รมช.) กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ณ กระทรวงการต่างประเทศ ภายหลังจากการประชุมศูนย์สถานการณ์ฉุกเฉิน (Rapid Response Center: RRC) ประจำวัน เกี่ยวกับสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง

นายจักรพงษ์เปิดเผยว่าเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ รายงานในที่ประชุมศูนย์สถานการณ์ฉุกเฉินประจำวันนี้ว่า สถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางล่าสุด มีพลเรือนเสียชีวิตอย่างน้อย 700 คน บาดเจ็บ 1,000 กว่าคน ตัวประกัน 100 กว่าคน

สำหรับผลกระทบของคนไทยที่มีรายงานผู้เสียชีวิต 12 ราย มีผู้บาดเจ็บ 9 ราย และถูกจับเป็นตัวประกัน 11 คนทั้งนี้ ยอดดังกล่าวยังไม่ได้รับการยืนยันจากสถานทูตอิสราเอล

ขณะที่นักเรียนไทยทั้ง 80 คนได้รับการยืนยันจากเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟว่าปลอดภัยทุกคน

สำหรับการนำศพกลับคืนญาติผู้เสียชีวิต นายจักรพงษ์ ตอบรับว่า จะต้องให้ทางการเคลียร์พื้นที่ก่อน เนื่องจากปัจจุบันมีความตึงเครียดระดับสูง หากจะทำอะไรก็มีความลำบากเล็กน้อย เช่นกันกับการอพยพคนไทย อาจต้องขออนุญาตจากทางรัฐบาลอิสราเอลก่อนที่จะมีการเคลื่อนย้ายคนจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่ง

นายจักรพงษ์ ยังรายงานยอดการแสดงความประสงค์กลับประเทศไทยในเช้าวันนี้ ตามเวลาท้องถิ่น มีคนไทยแสดงความประสงค์กลับ 1,431 คน และไม่ประสงค์เดินทางกลับ 23 คน

โดยเมื่อคืนที่ผ่านมา (8 ต.ค. 66) มีรายงานว่า รัฐบาลอิสราเอลได้อพยพคนไทยบางส่วนที่มีความเสี่ยงไปยังพื้นที่ปลอดภัยแล้ว โดยในที่ประชุมศูนย์สถานการณ์ฉุกเฉินมีการหารือช่องทางสายการบินเอกชนเหมาลำ การบินไทย และกองทัพอากาศ ทุกหน่วยงานมีความพร้อม

แต่เนื่องจากปัจจุบันทางการอิสราเอลยังไม่อนุญาตให้รัฐบาลไทยนำเที่ยวบินกองทัพหรือเที่ยวบินพิเศษเข้าไปอพยพ เบื้องต้นจึงจัดหาเที่ยวบินพาณิชย์ของทางอิสราเอลออกมาก่อน สำหรับผู้บาดเจ็บ 15 คนที่ผ่านการอพยพออกจากพื้นที่เสี่ยงเรียบร้อยแล้ว ในนามผู้โดยสารปกติทั่วไป ซึ่งรัฐบาลไทยออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด โดยคาดการณ์ว่า จะออกเดินทางได้ในวันที่ 11 ต.ค. 66 ถึงไทยในวันที่ 12 ต.ค. 66 โดยมีเจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงาน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงสาธารณสุข เตรียมการพร้อมไว้หมดแล้ว ในการตรวจร่างกายและจิตใจ

ส่วนในแง่แรงงาน นายจักรพงษ์ กล่าวว่า เราได้คุยไว้แล้วว่า อยากให้รักษาสิทธิที่อิสราเอลให้นานที่สุด หากมีอะไรเกิดขึ้น ทางการอิสราเอลจะพิจารณากลุ่มนี้เป็นพิเศษ

นายจักรพงษ์ ยืนยันว่า รายชื่อของแรงงานไทยทั้งหมดในอิสราเอลนั้นมีอยู่แล้ว แต่เนื่องจากการสื่อสารค่อนข้างลำบาก โทรศัพท์ได้เป็นช่วง ๆ จึงได้เพิ่มฮอตไลน์จาก 30 คู่สายเป็น 60 คู่สาย ทำงาน 24 ชั่วโมง ตลอดจนเปิด Line Openchat ขอรับความช่วยเหลือคนไทยในอิสราเอล และเพจเฟซบุ๊ก กรมการกงสุล ห่วงใยพี่น้องคนไทยในอิสราเอล เพื่อแจ้งความช่วยเหลือและติดต่อประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมทั้งเน้นย้ำว่า นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยกับสวัสดิภาพของประชาชนอย่างสูงสุด และพยายามจะดำเนินทุกวิถีทางให้พี่น้องประชาชนกลับประเทศไทยได้ทุกคน