‘สุดารัตน์’ เปรียบไทยเหมือน ‘คนแก่ที่ยากจน และป่วยหนัก’ เหตุ ผู้นำขาดวิสัยทัศน์
‘สุดารัตน์’ เปรียบไทยเหมือน ‘คนแก่ที่ยากจนและป่วยหนัก’ เหตุ ผู้นำขาดวิสัยทัศน์ จี้ ต้องผ่าตัดโครงสร้างครั้งใหญ่ เสนอสร้างการเมืองสุจริต-ล้างโครงสร้างเก่า-ธำรงไว้ซึ่งสถาบันหลัก
พรรคไทยสร้างไทย จัดสัมมนาโครงการจัดทำแผนยุทธศาสตร์พรรคไทยสร้างไทย ภายใต้หัวข้อเศรษฐกิจไทยจะรอดได้อย่างไร โดยภาคเช้ามีวิทยากรด้านเศรษฐศาสตร์ร่วมให้ความรู้ ขณะที่ช่วงบ่ายเป็นการอภิปรายแนวทางการสร้างอุดมการณ์ ยุทธศาสตร์ และนโยบายของพรรคสำหรับอนาคตประเทศไทย
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ระบุว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจรุนแรงที่สุดครั้งหนึ่ง โดย GDP เติบโตเพียง 1.5-2% ขณะที่กำลังซื้อของประชาชนลดลงอย่างต่อเนื่อง รายได้ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย และประเทศกำลังสูญเสียความสามารถในการแข่งขันระดับโลก พร้อมเปรียบว่า ประเทศไทยวันนี้เหมือน ‘คนแก่ที่ยากจนและกำลังป่วยหนัก’
คุณหญิงสุดารัตน์ ชี้ว่า รากเหง้าของปัญหาเศรษฐกิจและสังคมไทยที่รุมเร้าในปัจจุบันมาจากการบริหารประเทศที่ล้มเหลว ทั้งด้านการศึกษา โครงสร้างเศรษฐกิจล้าหลัง ค่าแรงสูง ขาดนวัตกรรม และเข้าสู่สังคมสูงวัยโดยไม่มีการเตรียมความพร้อม ขณะเดียวกัน โครงสร้างงบประมาณที่ล้าสมัยกลับเปิดช่องให้มีการทุจริตสูงถึง 30% ในบางโครงการ และกฎหมายต่าง ๆ ยังคงเป็นอุปสรรคต่อการลงทุนและการประกอบอาชีพ
อีกประเด็นคือการเมืองที่เสื่อมถอย โดยเฉพาะการใช้เงินมหาศาลในการซื้อเสียงการเลือกตั้งที่ผ่านมา สะท้อนถึงระบบการเมืองที่ขาดวิสัยทัศน์ มุ่งเน้นเพียงผลประโยชน์เฉพาะหน้า ส่งผลให้การใช้นโยบายประชานิยมระยะสั้นกลายเป็นทางเลือกหลักของนักการเมือง และเป็นช่องทางในการหาผลประโยชน์จากโครงการรัฐ
คุณหญิงสุดารัตน์เสนอ 3 แนวทางสำคัญเพื่อผ่าทางตันของประเทศดังนี้
1) สร้างการเมืองสุจริต ต่อสู้กับการเมืองทุจริต
2) ผ่าตัดโครงสร้างเดิม ๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ และเศรษฐกิจ
3) ธำรงไว้ซึ่งสถาบันหลักของชาติ ที่เป็นที่ยึดโยงคนในชาติ
ดร.โภคิน พลกุล ประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรคไทยสร้างไทย เสริมว่า ประเทศไทยกำลังเสี่ยงเป็น ‘รัฐล้มเหลว’ จากปัญหาคอร์รัปชัน การเมืองไร้จริยธรรม และระบบราชการที่ไร้ประสิทธิภาพ ไทยไม่สามารถปรับตัวตามโลกที่เปลี่ยนแปลงได้ทัน ไม่ว่าจะเป็นสงครามการค้า สินค้าราคาถูกจากต่างชาติ ปัญหาสิ่งแวดล้อม หรือการใช้เทคโนโลยีและ AI ที่รัฐบาลยังไม่จริงจัง
นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ ระบุว่า ประเทศไทยเคยมีโอกาสเติบโตทางเศรษฐกิจจากการส่งออกและดึงดูดการลงทุน แต่ปัจจุบันจำเป็นต้องคิดใหม่และลดการพึ่งพาภายนอก หันมาเน้นการผลิตในประเทศ การปฏิรูปกฎหมาย สนับสนุน SMEs และใช้วิทยาศาสตร์-สติปัญญาแทนความเชื่อแบบเดิม












