‘มงคล’ พร้อมคณะ สว. เผยข้อเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ
เพื่ออภิปรายข้อพิพาทเขตแดนไทย-กัมพูชา มองการปรับวางกำลังให้กลับไปสู่สภาพเหมือนปี 2567 ของกัมพูชา เป็นเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
วันนี้ (9 มิ.ย. 68) ที่รัฐสภา นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา นำทีมคณะกรรมาธิการกิจการวุฒิสภา ร่วมแถลงผลภายหลังการประชุมกรณีขอให้นายกรัฐมนตรีเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ ให้มีการอภิปรายทั่วไปในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาเกี่ยวกับปัญหาข้อพิพาทเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา โดยนายมงคลเปิดเผยว่า ตามสถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนระหว่างประเทศไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 28 พ.ค. 68 จนถึงปัจจุบัน สถานการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่ฝ่ายบริหารยังไม่มีความชัดเจนถึงแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่เหมาะสมกับสถานการณ์ ก่อให้เกิดความวิตกกังวลในประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ส่งผลกระทบต่ออำนาจอธิปไตยของประเทศ และการรักษาผลประโยชน์ของชาติ โดยข้อเท็จจริงพบว่ามีกำลังทหารของกัมพูชาได้รุกล้ำเข้ามาบริเวณช่องบก อ.น้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ในระยะทางถึง 200 เมตร พร้อมทั้งขุดแนวคูเลก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อยู่ในราชอาณาจักรไทย
นายมงคล กล่าวอีกว่า แม้จะมีสัญญาณที่ดีจากฝั่งกัมพูชาปรับวางกำลังให้กลับไปสู่สภาพเหมือนปี 2567 แต่เป็นเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไม่ใช่การแก้ไขปัญหาระยะยาวอย่างถาวร ฉะนั้นวุฒิสภาตระหนักถึงแนวทางในการเจรจาเพื่อแก้ไขปัญหาข้อพิพาทโดยสันติ แต่ต้องยืนบนหลักการแห่งความเคารพซึ่งกันและกัน รวมทั้งปฏิบัติต่อกันด้วยความจริงใจและเท่าเทียมกันในฐานะมิตรประเทศ จึงขอเรียกร้องไปยังรัฐบาลให้ปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญอย่างเข้มแข็ง เพื่อรักษาเกียรติภูมิของประเทศโดยรับฟังความเห็นจากทุกฝ่าย และขอให้รัฐบาลยืนยันในการสงวนสิทธิ์ไม่ยอมรับเขตอำนาจศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ
พร้อมกันนี้ ขอเรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าฝ่ายบริหารให้ดำเนินการเปิดสมัยประชุมวิสามัญตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยมาตรา 122 ประกอบมาตรา 175 เพื่อที่คณะรัฐมนตรีจะได้ดำเนินการเปิดอภิปรายทั่วไปในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อให้ฝ่ายบริหารได้แถลงข้อเท็จจริงทั้งหมดเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา รวมถึงสาเหตุของปัญหา และแนวทางในการแก้ไขปัญหาระยะสั้นและระยะยาว และเปิดโอกาสให้สมาชิกรัฐสภาในฐานะผู้แทนปวงชนชาวไทยได้ร่วมกันเสนอแนวคิดแนวทางในการคลี่คลายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อให้รัฐบาลได้นำไปเป็นข้อพิจารณาประกอบการตัดสินใจ ซึ่งต้องกระทำการอย่างเร่งด่วนเนื่องจากสถานการณ์ขณะนี้ไม่สามารถรอให้ถึงวันเปิดสมัยประชุมสามัญในวันที่ 3 ก.ค. 68 ได้
นอกจากนี้ นายมงคล ยังกล่าวอีกว่า ขอส่งกำลังใจให้ข้าราชการทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองในพื้นที่พิพาทที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ด้วยความกล้าหาญ อิสระ และเข้มแข็งเพื่อรักษาเกียรติภูมิและคุณูปการของประเทศในการรักษาความมั่นคงตามแนวชายแดนและรักษาผลประโยชน์ของประเทศและประชาชน รวมทั้งส่งกำลังใจให้กับพี่น้องประชาชนชาวไทยที่อาศัยอยู่ในพื้นที่บริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชาให้มีขวัญและกำลังใจที่เข้มแข็ง และเชื่อมั่นว่าผู้ที่มีหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ เพื่อรักษาอำนาจอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติให้คงอยู่สืบไป ด้วยความเชื่อมั่นศรัทธา “ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด”
เมื่อถามว่ามีกรอบเวลาให้รัฐบาลพิจารณาหรือไม่ นายมงคล กล่าวว่า เป็นเพียงปรากฏการณ์สถานการณ์เฉพาะพื้นที่ แต่ในหลักการจริง ๆ แล้วยังไม่มีความชัดเจน เราจึงต้องติดตามสถานการณ์ต่อไปอย่างใกล้ชิด โดยวุฒิสภาจะลงพื้นที่พบประชาชนตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เพื่อรับฟังความเห็นและสร้างความอบอุ่นใจให้แก่ประชาชน
เมื่อถามว่า เบื้องต้นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นวุฒิสภามีข้อเรียกร้องหรือข้อเสนออย่างไรถึงรัฐบาล เพื่อไม่ให้สถานการณ์เกิดขึ้นซ้ำอีก นายมงคล กล่าวว่า เราใช้วิธีการปรึกษาหารือ ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน เพราะนี่คือผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนที่เราในฐานะเป็นองค์กรฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารต้องรับผิดชอบร่วมกัน ส่วนการกำหนดกรอบประชุมวิสามัญจะทันภายใน 1-2 สัปดาห์นี้หรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องพิจารณา
เมื่อถามต่อถึงการจัดการบริหารของฝั่งไทยยังเป็นไปอย่างราบรื่นหรือไม่นั้น นายมงคล กล่าวว่า ตนเองเชื่อว่าในการทำงาน โดยเฉพาะฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายผู้ปฏิบัติในพื้นที่มีความชัดเจน ส่งผลให้การตัดสินใจของฝ่ายบริหารมั่นใจมากยิ่งขึ้น
เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่าผู้ปฏิบัติหน้างานทำได้ดีกว่าฝ่ายบริหารใช่หรือไม่ นายมงคล กล่าวว่า ไม่ใช่เช่นนั้น ซึ่งทั้ง 2 ฝ่าย ทุกฝ่ายร่วมมือกันต้องปรึกษาด้วยกัน
เมื่อถามว่า หากมีการเปิดสมัยวิสามัญจริงจะมีการนำเรื่องอื่น ๆ เข้าร่วมการพิจารณาด้วยหรือไม่ อย่างเรื่องพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลนั้น นายมงคล กล่าวว่า คงเป็นทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของประเทศชาติ ซึ่งคนไทยทุกคนต้องพึงรักษาไว้ เราต้องร่วมมือกันทุกฝ่ายสนับสนุนซึ่งกันและกัน
ส่วนที่อยากให้เรียกร้องให้เปิดสมัยวิสามัญ เพราะไม่ไว้ใจการเจรจาของรัฐบาลหรือไม่ เพราะมีการใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวของตระกูลชินวัตร และ สมเด็จฯ ฮุน เซน นายมงคล กล่าวว่า คนละประเด็นกัน เราไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้น เราเชื่อว่าคนไทยทุกคนรักบ้านรักเมือง, คนไทยทุกคนรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติทุกคน
เมื่อถามว่า หากรัฐบาลไม่เปิดสมัยวิสามัญให้จะดำเนินการอย่างไรต่อไปนั้น นายมงคล กล่าวว่า ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และเป็นดุลพินิจของรัฐบาล ถ้าสามารถดำเนินการได้ด้วยตัวเอง สถานการณ์ที่เปลี่ยนไปอะไร ๆ ก็เปลี่ยนไปได้
ทั้งนี้ สำหรับข้อเสนอที่จะให้ไทยมีการตัดไฟ ตัดอินเทอร์เน็ต ที่เป็นท่อน้ำเลี้ยงของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อยู่ฝั่งกัมพูชานั้น ด้าน สว. เห็นด้วยหรือไม่ นายมงคล กล่าวว่า เป็นเรื่องของหน้างาน ซึ่งมันเป็นเรื่องของผลการเจรจา ซึ่งเราไม่ได้สนับสนุน เพราะต้องกระทำภายใต้หลักเหตุผล ทุกเรื่องมันมีเหตุมีผลของมันเอง โดยคนไทยทุกคน, เราพร้อมที่จะสนับสนุนรวมใจเป็นหนึ่งเพื่อสร้างความสงบสุขภายใต้พื้นฐานของการไม่ใช้ความรุนแรง เรารักษาภายใต้ความรักความสามัคคีและภายใต้ผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน