สภาวิศวกร เผย พบร่องรอยวิศวกร 2-3 ราย อาจเข้าข่ายผิดจรรยาบรรณ กรณีอาคาร สตง.ถล่ม

สภาวิศวกร เผย พบร่องรอยวิศวกร 2-3 ราย อาจเข้าข่ายผิดจรรยาบรรณ กรณีอาคาร สตง.ถล่ม อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูล ก่อนส่งให้ คกก.จรรยาบรรณ พิจารณาบทลงโทษ ชี้ กรณีวิศวกรปลอมลายเซ็นกันเอง แม้เป็นคดีอาญา แต่ไม่ผิดจรรยาบรรณ แนะ วิศวกรที่ถูกปลอมลายเซ็น สามารถนำเรื่องมาร้องจรรยาบรรณได้
วันนี้ (9 พ.ค. 68) เวลา 16:00 น. ที่สภาวิศวกร ผศ.ดร.ธเนศ วีระศิริ นายกสภาวิศวกร พร้อมด้วย รศ.ดร.ขวัญชัย ลีเผ่าพันธุ์ อุปนายกสภาวิศวกร คนที่ 2, รศ.ดร.การุญ จันทรางศุ ประธานกรรมการจรรยาบรรณ และนายประสงค์ นรจิตร์ ประธานอนุกรรมการกฎหมาย ร่วมแถลงข่าวกรณีอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่พังถล่มลงมา กับบทบาทของสภาวิศวกร
ผศ.ดร.ธเนศ เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่เกิดเหตุ (28 มี.ค. 68) ทางสภาวิศวกร ได้เข้าไปช่วยเหลือและสังเกตการณ์ พร้อมจัดส่งทีมวิศวกรอาสา เข้าไปช่วยเหลือค้นหาผู้ที่สูญหาย โดยมีการตั้งกองอำนวยการร่วม และตั้งคณะทำงานร่วมกับภาครัฐ เพื่อหาข้อเท็จจริง เพื่อหาสาเหตุอาคารถล่ม ในขณะเดียวกันก็ได้แต่งตั้งคณะทำงาน รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับบริษัทนิติบุคคล รวมถึงบริษัทที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง และวิศวกรที่ปรากฏชื่อตามสื่อต่าง ๆ
อีกทั้ง สภาวิศวกรได้มีหนังสือถึงวิศวกรทุกรายที่ปรากฏชื่อในโครงการก่อสร้างอาคาร สตง.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กลุ่มกิจการร่วมค้า PKW บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทในนามของกลุ่มกิจการร่วมค้าบริษัท ไมนฮาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อให้ชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการปฏิบัติวิชาชีพ โดยบทบาทหน้าที่ และความรับผิดชอบในโครงการดังกล่าว รวมทั้งข้อมูลที่ได้รับจะถูกนำไปพิจารณาร่วมกับข้อเท็จจริง ที่รวบรวมได้จากคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และหน่วยงานต่างๆ เพื่อประกอบการพิจารณาดำเนินการทางจรรยาบรรณและการดำเนินคดีแก่ผู้ฝ่าฝืนตามกฎหมายต่อไป
ด้านนายประสงค์ นรจิตร์ ประธานอนุกรรมการกฎหมาย กล่าวถึงขั้นตอนการพิจารณาวิศวกร ที่มีใบประกอบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรม หรือใบ กว. กระทำผิดจรรยาบรรณนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้มีผู้เสียหายยื่นหนังสือร้องเรียน แต่เลขาธิการสภาวิศวกร มีอำนาจในการยื่นร้องเรียนต่อคณะกรรมการจรรยาบรรณได้ แต่สภาวิศวกรก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้จัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อรวบรวมข้อมูล และพิจารณาว่าการกระทำดังกล่าวผิดจรรยาบรรณหรือไม่ โดยไม่ต้องรอกระบวนการทางศาล สามารถดำเนินการต่อได้เลย ซึ่งจากการตรวจสอบหน่วยงานบางส่วนที่เกี่ยวข้องก็ได้ส่งเอกสารชี้แจงมาประมาณหนึ่ง ซึ่งพบว่ามีวิศวกร 2-3 ราย ที่พบร่องรอยน่าจะมีโอกาสเข้าข่ายกระทำผิดจรรยาบรรณ โดยจะต้องรอสรุปข้อมูลก่อน จากนั้นจะเสนอประธานคณะกรรมการจรรยาบรรณให้พิจารณา
ส่วนเรื่องใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกร ที่ผู้จัดการโครงการ และผู้ควบคุมงาน มีใบประกอบวิชาชีพระดับไหนถึงจะดูแลการก่อสร้างได้นั้น นายประสงค์ ระบุว่า ใบประกอบวิชาชีพมี 3 ระดับ แต่ละระดับมีการกำหนดขอบเขตการทำงานไว้ แต่หากมีใบอนุญาตต่ำกว่าแล้วไปทำงานในระดับสูงนั้น ในประเด็นนี้ อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูล
ขณะที่ รศ.ดร.การุญ จันทรางศุ ประธานกรรมการจรรยาบรรณ กล่าวว่า กรณีที่วิศวกรบางราย อ้างว่าถูกปลอมแปลงลายมือชื่อในการควบคุมงาน ซึ่งการตรวจสอบเป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะเป็นผู้พิสูจน์หาความจริง หากวิศวกรปลอมแปลงลายเซ็นวิศวกรด้วยกัน ก็เป็นความผิดทางอาญา แต่ไม่ได้ผิดเรื่องจรรยาบรรณ ซึ่งวิศวกรที่ถูกปลอมแปลงลายเซ็นสามารถที่จะนำพฤติการณ์ดังกล่าวมานำเสนอต่อสภาวิศวกรเพื่อให้พิจารณาเรื่องของจรรยาบรรณได้
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีหากตำรวจออกหมายจับวิศวกร จะสามารถดำเนินการเพิกถอนใบอนุญาตได้เลยหรือไม่ รศ.ดร.การุญ กล่าวว่า หากเป็นการออกหมายจับที่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพนั้น กระบวนการจะเพิกถอนใบอนุญาตก็เป็นกระบวนการที่จะต้องผ่านขั้นตอนของคณะกรรมการจรรยาบรรณก่อน ซึ่งหากจะมีคำสั่งลงโทษก็จะต้องรอฟังคำตัดสินของศาลด้วย จึงจะเข้าสู่กระบวนการจรรยาบรรณ เพื่อมาพิจารณาตามขั้นตอน
สำหรับการผิดจรรยาบรรณ สามารถลงโทษได้ 4 ระดับ คือ ตั้งแต่ ตักเตือน ภาคทัณฑ์ พักใช้ใบอนุญาต และเพิกถอนใบอนุญาต พร้อมย้ำว่า หากยังไม่มีการร้องเรื่องจรรยาบรรณเข้ามา คณะกรรมการก็ยังไม่สามารถดำเนินการพิจารณาลงโทษได้
ส่วนกรณีที่สภาวิศกรออกเอกสารชี้แจง เกี่ยวกับการให้ความของเห็นของวิศวกรนั้น รศ.ดร.ขวัญชัย ลีเผ่าพันธุ์ อุปนายกสภาวิศวกร คนที่ 2 กล่าวว่า การแสดงความคิดเห็นของวิศวกรต่อเหตุการณ์ดังกล่าว ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทางสภาฯ แต่อย่างใด เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของบุคคลนั้น ๆ จะผิดถูกก็ไม่เป็นไรถูกก็ดี ไม่ถูกก็ไม่เป็นไร เพราะเป็นเรื่องส่วนตัวเขา ไม่ได้ห้ามว่าอย่าทำ