‘ชูศักดิ์’ ย้ำ สถานบันเทิงครบวงจร เป็นนโยบายรัฐบาล ไม่ใช่เรื่องทำโดยพลการ หลัง เลขา ภท. ประกาศกลางสภาไม่เอากาสิโน
นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี นายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีย์รัมย์ และเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ประกาศกลางสภาไม่รับร่าง พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ ‘เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์’ ว่า ต้องฟังอีกทีหนึ่งว่าท้ายที่สุดผลจะเป็นอย่างไร การประกาศก็ว่ากันไป แต่ละคนมีสิทธิ์ที่จะพูด
ส่วนคำว่าสถานบันเทิงครบวงจรไม่อยากให้ใช้คำว่ากาสิโน เพราะเป็นเพียงส่วนหนึ่ง หากจะทำเรื่องนี้ไม่ใช่ทำแค่กาสิโนอย่างเดียว ต้องขออนุญาตทำใน 9 ประเภท อย่างน้อย 4 อย่างถึงจะอนุญาตได้ เช่น ทำสถานบันเทิง สนามกีฬา โรงแรม จะทำกาสิโนอย่างเดียวไม่ได้
ส่วนเรื่องนี้เป็นนโยบายของรัฐบาลหรือไม่ มองว่าเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเมื่อเป็นนโยบายรัฐบาล และแถลงต่อรัฐสภา ต้องถามว่าใครเป็นรัฐบาลบ้าง ก่อนที่จะแถลงนโยบายต่อรัฐสภาพรรคร่วมรัฐบาลก็ไปร่วมประชุมกันตกลงว่าจะทำอย่างไร จะแก้รัฐธรรมนูญ จะทำสถานบันเทิงครบวงจร จึงแถลงต่อรัฐสภา จึงต้องพูดอย่างตรงไปตรงมาว่าไม่ใช่เรื่องพรรคใดพรรคหนึ่งมาทำโดยพลการ แต่เป็นเรื่องของนโยบายถ้ารัฐบาลไม่ทำตามนโยบายก็ถูกว่าไม่ทำตามนโยบายที่แถลงไว้
อย่างไรก็ตาม พอสถานการณ์เป็นอย่างนี้แล้วใครจะพูดอย่างไรก็สุดแล้วแต่ แต่รัฐบาลต้องมีความชอบธรรมที่จะพูดว่าสิ่งที่ทำคือนโยบาย แต่เมื่อบอกว่าเลื่อนไปก่อนเพื่อไปทำความเข้าใจให้ชัดเจน มองว่า รัฐบาลก็ทำด้วยความชอบธรรม
ส่วนการทำแหล่งท่องเที่ยวที่ถูกสร้างขึ้น สามารถตัด 10% ของกาสิโนออกไปได้หรือไม่ หลักแล้วคือสถานบันเทิงครบวงจรทั่วโลกเขามีแบบนี้ รัฐบาลก็พยายามอธิบายว่าเป็นเพียงส่วนหนึ่ง มีอยู่นิดเดียว ใครจะมาทำก็ต้องทำอย่างน้อย 4 อย่าง มาจดทะเบียนในประเทศไทย มีเงินชำระแล้วไม่ต่ำกว่าหมื่นล้าน ต้องการทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น หาเงินเข้าประเทศ รวมไปถึงให้คณะกรรมการกฤษฎีกายกร่าง โดยยกร่างด้วยความรอบคอบรัดกุม ใครจะไม่เห็นด้วยกับนโยบายรัฐบาลก็ไปว่าอีกเรื่องหนึ่ง
นายชูศักดิ์ กล่าวว่า สิ่งสำคัญจะพูดว่าพรรคนั้นพรรคนี้ไม่เอา ยังไม่อยากจะพูดอย่างนั้น เมื่อนโยบายของรัฐบาลเป็นแบบนี้ก็ต้องว่ากันไป แต่ถามว่าจะทำประชามติหรือไม่ก็อีกเรื่องหนึ่ง ประชามติจะทำได้ก็ต้องเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติ เพราะต้องใช้งบประมาณ 3,000 ล้านบาท ส่วนจะทำประชามติพร้อมกับการแก้รัฐธรรมนูญเลยหรือไม่ก็แล้วแต่ ก็ไปคิดกันในอนาคต แต่ช่วงเวลาสองเดือนกว่าไตร่ตรองกันให้รอบคอบ
ส่วนการที่ สว.ตั้งกรรมาธิการศึกษาล่วงหน้าเพื่อพิจารณาได้ในชั้น สว. กฎหมายประเภทนี้เป็นกฎหมายการเงินไม่จำเป็นต้องรอ 180 วัน สามารถศึกษาไปก่อนล่วงหน้าได้ ต้องรอ 180 วันหรือไม่ก็แล้วแต่เขา ให้พิจารณากันไป เพียงแต่ยับยั้งพัก 10 วันไม่ใช่ 180 วันเหมือนกฎหมายประชามติ
นายชูศักดิ์ ให้ความเห็นถึงกรณีกฎหมายดังกล่าวซึ่งเป็นนโยบายรัฐบาล พรรคร่วมรัฐบาลควรเห็นไปในทิศทางเดียวกันใช่หรือไม่ โดยถามย้อนกลับว่า ก็ลองคิดดูแล้วกัน เพราะตอนแถลงนโยบายของรัฐบาล เมื่อเป็นพรรคร่วมแล้วแถลงมาแบบนี้ก็ขอให้ไปคิดกันดูว่าเป็นอย่างไร จะยังอยู่ร่วมรัฐบาลกันได้หรือไม่ ไม่รู้ ไม่ทราบเหมือนกัน ขอให้มองในภาพรวม ไม่อยากไปฟันธงว่าพรรคไหนเอา ไม่เอา












