นายกฯ ย้ำทำความเข้าใจพรรคร่วม ปม ‘เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์’ หวังทุกฝ่ายนึกถึงประโยชน์ชาติก่อนการเมือง
วันนี้ (8 เม.ย.68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ว่า หากโครงการนี้ไม่เกิดขึ้น จะเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย เพราะจะเป็นการสูญเสียโอกาสของประเทศในการสร้างแหล่งท่องเที่ยวที่สร้างขึ้น (Man-Made Tourism) ขนาดใหญ่ ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยย้ำว่าไม่ใช่กาสิโนเพียงอย่างเดียว และขณะนี้หลายประเทศทั่วโลกต่างมุ่งเน้นการสร้างแหล่งท่องเที่ยวลักษณะนี้ เนื่องจากแหล่งท่องเที่ยวเดิมที่มีอยู่อาจไม่เพียงพอต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่ซบเซา ดังนั้นจึงต้องดำเนินการทุกวิถีทาง ส่วนเรื่องเกมการเมืองนั้นเป็นอีกประเด็นหนึ่ง แต่รัฐบาลจะมุ่งเน้นการทำงานและขับเคลื่อนเศรษฐกิจ พร้อมทั้งเดินหน้าทำความเข้าใจกับทุกฝ่ายให้มากที่สุด โดยเชื่อว่าระยะเวลา 2 เดือนในช่วงปิดสมัยประชุมสภาฯ น่าจะเพียงพอในการชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจตรงกัน
ส่วนกรณีที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่า หาก เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ไม่เกิดขึ้นในรัฐบาลนี้ก็ไม่เป็นไร เพราะเชื่อมั่นว่าสมัยหน้าพรรคเพื่อไทยจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องดูในกระบวนการ แต่ไม่อยากให้มองในลักษณะดังกล่าว โดยเน้นย้ำว่าโครงการนี้ไม่ใช่แค่กาสิโน พร้อมตั้งคำถามถึงผู้ที่บอกว่าไปเล่นการพนันว่า สถานที่ที่ไปเล่นนั้นถูกกฎหมายหรือไม่ ซึ่งส่วนนี้ต้องนำมาเข้าระบบเพื่อให้เงินที่นำไปเล่นในกาสิโนถูกจ่ายภาษีให้รัฐ และนำมาใช้ประโยชน์ เช่น การสร้างสนามกีฬาขนาดใหญ่สำหรับการจัดคอนเสิร์ต ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลพลาดโอกาสไปมากในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากไม่มีสนามกีฬาขนาดใหญ่เพียงพอรองรับการจัดงานที่ประชาชนชื่นชอบ โดยงบประมาณในการสร้างนั้นสูงมาก การขายตั๋วเพียงอย่างเดียวอาจไม่สามารถคืนทุนได้ จึงจำเป็นต้องนำเงินส่วนนี้มาหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจภาพใหญ่ แต่หากถูกนำไปบิดเบือนเป็นเรื่องการเมืองก็เป็นอีกประเด็นหนึ่ง
นายกรัฐมนตรี มองว่า เกมการเมืองนั้นมาจากทุกทิศทาง และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกฝ่ายจะคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติเป็นอันดับแรก ก่อนเรื่องการแข่งขันทางการเมือง
ส่วนประเด็นการทำความเข้าใจกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล เนื่องจากมี สส. และสมาชิกหลายคนไม่เห็นด้วยกับร่างกฎหมายดังกล่าว เช่น นายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย ที่ออกมาแสดงท่าทีเมื่อวานนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงต้องอธิบายให้เข้าใจถึงความตั้งใจที่แท้จริง เนื่องจากเรื่องนี้เป็นนโยบายของรัฐบาลมาตั้งแต่แรกแล้ว
ขณะที่พรรคประชาชาติระบุว่าเรื่องนี้ขัดกับหลักศาสนานั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงต้องอธิบายเรื่องนี้อย่างจริงจัง และย้ำถึงสัดส่วน 10% ที่อาจจะทำให้ประเทศมีเงินเข้าระบบมากขึ้นจำนวนมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเสียดาย แต่ตนเองจะพยายามทำให้ดีที่สุด
ส่วนกรณีที่มีข้อเสนอให้ชะลอสัดส่วน 10% ที่เป็นกาสิโนไว้ก่อน โดยสร้างส่วนอื่นๆ ที่เป็นภาพใหญ่ของ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ไปก่อนได้หรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ต้องดูในกระบวนการ เพราะอาจจะไม่มีเงินทุนหมุนเวียนเพียงพอ และงบประมาณที่ลงไปอาจไม่มีเงินหมุนกลับมาได้ทันที เช่น โรงแรมอาจใช้เวลา 5-10 ปี กว่าจะคืนทุน และเชื่อว่าการสร้าง เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ขนาดใหญ่ เงินจะหมุนเวียนกลับมาไม่ทันอย่างแน่นอน
นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า ที่ผ่านมาการสื่อสารอาจยังไม่เพียงพอ จึงทำให้เกิดการบิดเบือน และย้ำว่าขั้นตอนการทำประชามตินั้น ขณะนี้ยังไม่จำเป็น และจะต้องปรึกษากับพรรคร่วมรัฐบาลก่อน
ผู้สื่อข่าวยังถามถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรี บ่นว่า “หัวจะปวด” หลังการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ ซึ่ง นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า จำไม่ได้ว่าพูดหรือไม่ แต่เมื่อเวลางานยุ่งก็จะพูดคำว่า “ปวดหัว หัวจะปวด” แต่ยืนยันว่าไม่ได้ท้อ เป็นเพียงการบ่นแบบขำๆ เนื่องจากมีงานมากมายหลายอย่าง พร้อมถามกลับว่าทุกคนก็พูดคำนี้กันใช่หรือไม่