รัฐบาลแถลงจัดงานเฉลิมพระเกียรติ ในหลวงเนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ

‘รัฐบาล’ แถลงจัดงานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ ให้ชาวไทยได้สักการะ เป็นครั้งแรก ตั้งแต่ 22 ก.พ. – 19 มี.ค. 67
วันนี้ (9 ก.พ. 67) เมื่อเวลา 13.30 น. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวงานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 ก.ค.67 ณ ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล ถนนพิษณุโลก เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการฝ่ายจัดพิธีการงานเฉลิมพระเกียรติฯ และประธานกรรมการฝ่ายโครงการและกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติฯ กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัย ชื่อพระราชพิธีว่า “พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567” ได้พระราชทานแบบตราสัญลักษณ์สำหรับใช้ในโอกาสต่างๆ พร้อมทั้งนำมาจัดทำเข็มที่ระลึก เพื่อจำหน่ายให้แก่ประชาชนใช้ประดับและเก็บเป็นที่ระลึก
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งคณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และแต่งตั้งคณะกรรมการฝ่ายต่างๆ เพื่อเตรียมการจัดงานเฉลิมพระเกียรติฯ ให้ยิ่งใหญ่และสมพระเกียรติ โดยดำเนินการตามขนบธรรมเนียมโบราณราชประเพณีที่เคยปฏิบัติมาในวาระสำคัญ
สำหรับการจัดพิธีการในนามรัฐบาล ประกอบด้วย การจัดพิธีเสกน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ การจัดพิธีทางศาสนามหามงคล 5 ศาสนา การจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ การจัดพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณ การจัดพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล งานสโมสรสันนิบาต และการจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ในการพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐิน เป็นต้น
ในส่วนของโครงการและกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติฯ ได้เชิญชวนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน เสนอโครงการและกิจกรรมที่มีลักษณะการดำเนินงานเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ สนับสนุนโครงการหรือกิจกรรมอันเนื่องมาจาก พระราชปณิธาน พระราชดำริพระบรมราโชวาท หรือพระราชกรณียกิจ เข้าร่วมเป็นโครงการและกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติฯ โดยคำนึงถึงความจำเป็นและประโยชน์ที่มีต่อสังคมโดยรวม สร้างความอยู่ดีมีสุขให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวถึงรายละเอียดงานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในครั้งนี้ ที่จะมีการจัดกิจกรรมต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับรัฐบาลสาธารณรัฐอินเดีย โดยสถานเอกอัครราชทูต อินเดียประจำประเทศไทย จัดพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะฯ มาประดิษฐานเป็นการชั่วคราว ซึ่งเป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่จะได้กราบไหว้สักการะบูชา เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตามโครงการธรรมยาตราจากมหานทีคงคาสู่ลุ่มน้ำโขง เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ส่งเสริมการเผยแผ่พระพุทธศาสนา และเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศ โดยจัดงานระหว่างวันที่ 22 กุมภาพันธ์ – 19 มีนาคม 67
มีการจัดขบวนอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 67 โดยจะเปิดให้ประชาชนเข้าสักการบูชา ดังนี้
วันที่ 24 กุมภาพันธ์ – 3 มีนาคม 67 ณ มณฑลพิธิท้องสนามหลวง
วันที่ 5-8 มีนาคม 67 ณ หอคำหลวง อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จ.เชียงใหม่
วันที่ 10-13 มีนาคม 67 ณ วัดมหาวนาราม (วัดป่าใหญ่) จ.อุบลราชธานี
วันที่ 15-18 มีนาคม 67 ณ วัดมหาธาตุวชิรมงคล (วัดบางโทง) จ.กระบี่
จากนั้นจะจัดพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุฯ ส่งมอบคืนให้แก่สาธารณรัฐอินเดีย
นอกจากนี้ จะมีการจัดกิจกรรมอื่นๆ อาทิ มหกรรมรําอวยพร 4 ภาค การแสดงของวงดุริยางค์จาก 4 มหาวิทยาลัย และการแสดงโขนกลางแปลง รวมถึงกิจกรรมสวดมนต์ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ซึ่งถือเป็นพิธีงานบุญครั้งยิ่งใหญ่ เนื่องจากหัวใจของงานศาสนานั้น คือซอฟต์พาวเวอร์ที่ยิ่งใหญ่ที่จะรวมพลังทางศาสนา ทั้งแนวคิดคุณธรรม จริยธรรม เพื่อให้เกิดสันติภาพ อยู่ด้วยกันด้วยความรักและความสามัคคี
ด้านนางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ฯ กล่าวว่า คณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ฯ ได้ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้การจัดงานเฉลิมพระเกียรติฯ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม โดยประชาสัมพันธ์ตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติฯ พร้อมความหมาย โดยได้รับความร่วมมือจากสถานีโทรทัศน์ทุกช่องในการเผยแพร่มุมบนหน้าจอโทรทัศน์ ตลอดจนประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อวิทยุกระจายเสียงและสื่อสังคมออนไลน์
พร้อมจัดพิธีมอบตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติฯ ให้กับหน่วยงานภาครัฐทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และสื่อมวลชน เชิญชวนทุกหน่วยงานจัดตั้งโต๊ะหมู่ประดิษฐานพระบรมฉายาลักษณ์ พร้อมเครื่องราชสักการะ ประดับธงชาติไทยคู่กับธงตราสัญลักษณ์ฯ และประดับผ้าระบายสีเหลืองร่วมกับผ้าระบายสีขาวตามอาคารสถานที่ของทุกหน่วยงาน และได้มีการนำเสนอพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ และพระมหากรุณาธิคุณด้านต่างๆ ในรูปแบบบทความเฉลิมพระเกียรติฯ ออกอากาศทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย