‘สุวัจน์’ เผย ประเทศยังต้องการการกระตุ้นเศรษฐกิจ ชี้ รัฐบาล ต้องกล้าคิด กล้าทำ

‘สุวัจน์’ เผย ประเทศยังต้องการการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่โครงการ ดิจิทัล วอลเล็ต ต้องคำนึงถึงมิติด้านกฎหมายด้วย ชี้ รัฐบาล ต้องกล้าคิด กล้าทำ กล้าตัดสินใจ และรับผิดชอบผลที่ตามมา

วันนี้ (9 ก.พ. 67) นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหรือ ป.ป.ช. เสนอแนะข้อคิดเห็นเกี่ยวกับโครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัล วอลเล็ต ว่า ตนเองมองในสองส่วนคือ เรื่องความจำเป็นและเรื่องความถูกต้อง โดยเรื่องของความจำเป็น จะเห็นได้ว่าช่วงก่อนเลือกตั้ง ทุกคนจะหยิบยกเรื่องเศรษฐกิจ และเสนอนโยบายเกี่ยวกับเศรษฐกิจ ซึ่งหลังเลือกตั้ง พรรคฝ่ายค้านในขณะนั้น ชนะการเลือกตั้ง แสดงว่าเศรษฐกิจเป็นวิกฤตจริง ๆ พี่น้องประชาชนถึงเลือกพรรคฝ่ายค้าน โดยถือเป็นนโยบายของพรรคการเมืองที่นำเสนอสู่ประชาชน และเมื่อไปเป็นรัฐบาล ก็ต้องทำตามที่รับปากกับ ประชาชนไว้

นายสุวัจน์ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าการลงทุนยังไม่กระเตื้อง การส่งออกไม่ดีขึ้น นักท่องเที่ยวก็ยังเดินทางมาประเทศไทยไม่ครบ 4 ล้านคนต่อปี GDP ยังถดถอยอยู่ ดังนั้น ภาพรวมเศรษฐกิจขณะนี้ การกระตุ้นเศรษฐกิจยังมีความจำเป็น เพื่อให้คนรากหญ้า คนในชนบทอยู่ได้ ดังนั้น การแก้ไขปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ เป็นเรื่องวิชาการ ความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ เรามองต่างมุมกันได้ แต่ที่สุดแล้ว รัฐบาลก็ต้องกล้าคิด กล้าตัดสินใจ และกล้ารับผิดชอบ

นายสุวัจน์ ย้ำว่าเมื่อเป็นนโยบายไปแล้ว ก็คงต้องตัดสินใจ ไม่ว่าผลของการตัดสินใจจะเกิดอะไรขึ้น รัฐบาลก็ต้องรับผิดชอบ โครงการนี้จึงถือเป็นเครื่องมือ และนโยบายอย่างหนึ่งที่รัฐบาลจะให้ไปกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะเดียวกัน นอกจากข้อเท็จจริงเชิงนโยบายที่จะนำไปสู่การแก้ปัญหา ก็ต้องมองในเรื่องของกฎหมายด้วย เนื่องจากมีข้อท้วงติงจากหลายหน่วยงาน ดังนั้น ตนเองคิดว่าหลังจากตัดสินใจแล้วรัฐบาลต้องดูในมิตินี้ด้วย โดยเฉพาะข้อทักท้วงต่าง ๆ เมื่อหน่วยงานให้ความเห็นครบถ้วนแล้ว รัฐบาลคงจะคำนึงถึงความห่วงใยต่าง ๆ และต้องมาลงรายละเอียดมุมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องด้านกฎหมาย ว่าหากถ้าดำเนินการต่อไป ต้องดำเนินการอย่างถูกต้อง รัฐบาลจะต้องคิดว่าดีต่อเศรษฐกิจหรือไม่ การดำเนินการนี้โปร่งใส และถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมายหรือไม่

นายสุวัจน์ มองว่า เรายังมีความจำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจเช่นเดียวกับนโยบายของรัฐบาลสมัยที่แล้ว ที่มีการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยการแจกเงินให้คนไปเที่ยวในช่วงของการแพร่ระบาด โควิด-19 เพียงแค่เปลี่ยนแค่รูปแบบของเป้าหมาย
และวิธีการเท่านั้น