รมว.ยุติธรรม เปิดเวทีหารือพัฒนาทางเลือกบำบัดผู้เสพติดยาบ้า
รมว.ยุติธรรม เปิดเวทีหารือพัฒนาทางเลือกบำบัดผู้เสพติดยาบ้า เผย ต้องให้ความรู้เรื่องยาและการบำบัดกับชุมชนให้เข้มแข็ง หวัง ลดจำนวนผู้ติดยา พาเข้ากระบวนการบำบัดให้มากที่สุด
วันนี้ (9 ก.พ. 67) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในการประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อพัฒนาทางเลือกนโยบายการจัดการปัญหายาบ้าที่เกี่ยวข้องกับการบำบัด การผลิต และการพัฒนายาทดแทนยาบ้า เพื่อพัฒนาทางเลือกเชิงนโยบายสำหรับการจัดการปัญหายาบ้า พร้อมด้วย นายนิยม เติมศรีสุข ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม นายธนากร คัยนันท์ ที่ปรึกษาป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานด้านการป้องกัน แก้ไข และปราบปรามปัญหายาเสพติด ร่วมประชุมแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น ณ โรงแรมเซ็นจูรี่ พาร์ค กรุงเทพมหานคร (กทม.)
พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า รัฐบาลตระหนักถึงปัญหายาเสพติดที่ส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วน โดยเฉพาะยาบ้าที่เป็นยาเสพติดหลัก ที่แพร่ระบาดในไทย โดย มีสัดส่วนเป็นร้อยละ 80 ของการใช้ยาเสพติดในประเทศ ซึ่งก่อให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจ และสังคม เป็นมูลค่ามากมายมหาศาล รวมถึงส่งผลกระทบต่อสุขภาพกาย สุขภาพจิตของผู้เสพ ผู้ติดยาบ้า และครอบครัว คนใกล้ชิดชุมชน โดยประเด็นหลักที่นำมาหารือ 2 ประเด็น คือ
1.การหาแนวทางให้ผู้ติดยาบ้าเข้าถึงบริการบำบัดรักษา และพัฒนาตัวยาที่มีประสิทธิผลในการรักษาผู้ติดยาบ้า เพราะตอนนี้ยังไม่มียารักษาโดยตรง ยาที่ใช้ได้เป็นยาที่ยังไม่มีข้อบ่งใช้ที่ชัดเจน (off Label) และเป็นยานอกบัญชีทั้งหมด ทำให้ผู้ป่วยเข้าถึงยาก
2.ความเป็นไปได้ในการใช้นโยบาย “ยาทดแทนยาบ้า” ภายใต้แนวคิดแบบการรักษาด้วยยาช่วย หรือ Medication-Assisted Treatment (MAT) และ HarmReduction โดยให้อยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ”
“การประชุมในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ในการปรับปรุงแนวทางการบำบัดรักษาผู้ป่วยที่ติดยาบ้าให้เกิดประสิทธิผลในการรักษา ซึ่งนโยบายของรัฐบาลภายใต้การนำของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้กำหนดให้ผู้เสพต้องได้รับการบำบัดรักษาที่เหมาะสมตามแนวทาง ‘ผู้เสพเป็นผู้ป่วย’ โดยให้ผู้ติดยาบ้าเข้าถึงบริการบำบัดรักษาการพัฒนาตัวยาที่มีประสิทธิผลในการรักษาผู้ติดยาบ้า” พ.ต.อ. ทวี กล่าว
พ.ต.อ.ทวี กล่าวต่อว่า สิ่งที่ต้องนำไปพัฒนาและปรับปรุงคือเรื่องของจำนวนผู้ที่ติดยาและเสพยา ที่มีจำนวนมาก ซึ่งปัจจุบัน สถิติของผู้เสพยาเสพติดที่อยู่ในการดูแลของกระทรวงยุติธรรม ทั้งกรมราชทัณฑ์ กรมคุมประพฤติ กรมพินิจ และกรมคุ้มครองเด็กมีจำนวนสูงถึง 800,000 คน โดยในจำนวนนี้กว่า 300,000 คน ไม่ได้เข้ารับการบำบัดรักษา และอาศัยอยู่ในชุมชน จึงยังต้องมีการให้ความรู้เรื่องยาและการบำบัดกับชุมชนให้เข้มแข็งมากพอที่จะช่วยดูแลผู้เสพที่เป็นผู้ป่วยได้ รวมถึงยังพบว่ากลุ่มผู้เสพยาเสพติดจำนวนมาก ยินยอมเข้าสู่กระบวนการบังคับใช้กฎหมาย มากกว่าสมัครใจเข้ารับการบำบัด หรือคุมประพฤติ จึงได้มีการหารือกับหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม เช่น ศาล เพื่อหาแนวทางในการนำผู้เสพยาเสพติด ให้เข้าสู่กระบวนการบำบัดให้ได้มากที่สุด และการบังคับใช้กฎหมายจากเรื่องยาเสพติด
พ.ต.อ.ทวี กล่าวทิ้งท้ายว่า อย่างไรก็ตาม การพัฒนายาทดแทนยาบ้าน เพื่อใช้ในการบำบัดผู้เสพยาเสพติด ยังคงต้องใช้ระยะเวลาในการวิจัย ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการใช้ยาเมทาโดนเพื่อรักษาผู้เสพติดเฮโรอีนมาก่อน หากทำได้จะถือเป็นอีกก้าวหนึ่งในการ แก้ปัญหายาเสพติด
