‘พ.ต.อ.ทวี’ ยัน ‘กรมราชทัณฑ์’ ยังไม่ส่งรายชื่อผู้ต้องขังได้พักโทษ ย้ำ ยังไม่เห็นชื่อทักษิณ
‘พ.ต.อ.ทวี’ ยัน ‘กรมราชทัณฑ์’ ยังไม่ส่งรายชื่อผู้ต้องขังได้พักโทษ ย้ำ ยังไม่เห็นชื่อทักษิณ คาดภายในวันที่ 12 ก.พ. นี้ คงได้ทราบข้อมูล เผย การอายัดตัวเป็นอำนาจของอัยการ พร้อมโต้กรณี ‘วัชระ’ พาดพิง ‘ทักษิณ’ ชี้ เป็นการลดทอน ทำให้ไม่น่าเชื่อถือ เชื่อ องค์กรต้องรักษาสิทธิ์ตนเอง
วันนี้ (9 ก.พ. 67) เวลา 10.30 น. ที่โรงแรมเซ็นจูรี่ พาร์ค กรุงเทพมหานคร (กทม.) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน เกี่ยวกับเรื่องการพักโทษของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
พ.ต.อ.ทวี เปิดเผยว่า สำหรับเรื่องการพักโทษของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มีข่าวว่าจะมีการปล่อยตัวหลังเวลาเที่ยงคืนวันที่ 17 ก.พ. 67 นั้น เมื่อวานนี้ (8 ก.พ. 67) ยังไม่ได้มีการเสนอรายชื่อขึ้นมาถึงตนเองรับทราบในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แต่ทราบว่ากรมราชทัณฑ์อาจจะมีประชุมไปแล้ว เนื่องจากปกติในทุกๆ เดือน กรมราชทัณฑ์จะมีการประชุมกันเดือนละครั้ง เพื่อรวบรวมรายชื่อของผู้ต้องขังทั่วประเทศที่มีสิทธิหรือมีคุณสมบัติผ่านเกณฑ์ได้รับการพักโทษ ทั้งแบบปกติ และแบบกรณีมีเหตุพิเศษฯ โดยจะมีการรายงานมายังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ประมาณ 1,000 รายในแต่ละเดือน แต่ตนเองยืนยันว่าตอนนี้กรมราชทัณฑ์ยังไม่ได้มีการรายงานมาแต่อย่างใด และยังไม่เห็นรายชื่อใคร
อย่างไรก็ตาม คาดว่ารายชื่อผู้ต้องขังที่จะได้รับการพักโทษ กรมราชทัณฑ์อาจรายงานมาในเร็วๆ นี้ ซึ่งอาจเกิดขึ้นภายในวันนี้ไม่ก็วันจันทร์ที่ 12 ก.พ. 67 แต่ก็จะยังมีกระบวนการที่จะต้องตรวจสอบต่ออีกขั้นตอน โดยมีปลัดกระทรวงยุติธรรมและรองปลัดกระทรวงยุติธรรมดำเนินการ ซึ่งต้องตรวจสอบในรายละเอียด ทั้งนี้ ในเรื่องของการอายัดตัว ตนเองต้องเรียนว่าการพักโทษกับการอายัดตัวเป็นคนละเรื่องกัน ซึ่งการอายัดตัวจะเป็นอำนาจหน้าที่ของอัยการ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ นายวัชระ เพชรทอง อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวพาดพิงว่าอดีตนายกรัฐมนตรีไม่ได้นอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ แต่ยังนอนพักถึง 3 สถานที่ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรนั้น พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ราชทัณฑ์เป็นวิชาชีพ และเขาก็ตอบมาเสมอ ซึ่งเรื่องนี้อาจเป็นการลดทอน หรือเป็นการทำให้ไม่น่าเชื่อถือ อีกทั้งข้าราชการหลายท่านก็มีการเสนอมา แม้ในสังคมไทยเราจะไม่มีการไปเท้าความว่าใครพูดจริง ใครพูดโกหก แต่องค์กรก็ต้องรักษาสิทธิ์ขององค์กรด้วย
