POLITICS

‘สว.ตวง’ เชื่อรัฐบาลหาทางลงปม พ.ร.บ.เงินกู้ ดิจิทัลวอลเล็ต

บอก ไม่เคยมีรัฐบาลไหนกู้ลักษณะนี้ผ่าน ทั้งยิ่งลักษณ์-อภิสิทธิ์ ชี้กฤษฎีกาตอบฉลาด ไม่เคยมีครั้งไหนตอบรัฐบาลว่าผิดตรงๆ เป็นหน้าที่ต้องตัดสินใจเอง

วันนี้ (9 ม.ค. 67) นายตวง อันทะไชย สมาชิกวุฒิสภา ให้ความเห็น กรณีที่คณะกรรมการกฤษฎีกาส่งความคิดเห็น เรื่อง พ.ร.บ.กู้เงิน เพื่อทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาล ว่า เรื่องนี้ไม่ต้องเปิดเผยเขาก็ทราบอยู่แล้ว กฤษฎีกาเขาวินิจฉัยมาแล้ว เรื่องแรกคือต้องเป็นไปตาม พรบ.วินัยการเงินการคลัง ไม่ว่ารัฐบาลไหนจะเป็นคนทำ และเท่าที่ตนทราบ การกู้เงินในลักษณะนี้ไม่เคยประสบความสำเร็จในประเทศไทย ที่ผ่านมาเคยยื่น 2 ครั้ง ก็ถอนและไม่ประสบความสำเร็จ ทั้งในสมัยอดีตนายกฯ อภิสิทธิ์ และ อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ก็เคยทำแล้วเรื่องไปอยู่ที่ศาล เป็นไปในทำนองเดียวกัน

สิ่งที่ต้องอธิบายให้ได้คือ ประเทศเราอยู่ในภาวะวิกฤตอย่างไร ซึ่งหากมองที่ตัวเลขงบประมาณเห็นชัดว่าประเทศเราไม่อยู่ในภาวะวิกฤต และเรื่องที่สองคือที่นายกรัฐมนตรีไปเชิญชวนผู้คนทั่วโลกมาลงทุนในประเทศของเรา และวันนี้เราจะอธิบายว่าประเทศของเราวิกฤตได้อย่างไร หรือตัวอย่างเช่น ในเทศกาลปีใหม่ปีนี้รถติดอย่างมาก เพราะหนึ่งครอบครัวมีลูกสามคน ก็มีรถสามคัน เป็นสิ่งที่อธิบายได้ว่าไม่ได้เกิดปรากฏการณ์เรื่องวิกฤตทางเศรษฐกิจ เหมือนกับช่วงโควิดหรือสงครามที่เกิดขึ้น

นายตวง กล่าวว่า ในทรรศนะของตนมองว่าเราอยู่ในภาวะปกติที่คุณสามารถหาวิธีกระตุ้นเศรษฐกิจโดยวิธีอื่นก็ทำได้ ยังหาคำตอบไม่ได้และเป็นเรื่องยากที่จะบอกให้ประเทศที่ปกติอยู่แล้วให้วิกฤต จึงขอถามว่าคุณจะบอกว่าประเทศของเราวิกฤต วิกฤตเรื่องอะไร วิกฤตเรื่องเศรษฐกิจ เรื่องสังคม เรื่องการเมือง ตนมองว่าหลังเลือกตั้งทุกอย่าง ลดลงมาแล้วและเป็นเรื่องธรรมดาเป็นธรรมชาติของการเมืองเศรษฐกิจและสังคมที่ต้องพัฒนาต่อไป

ซึ่งมีความแตกต่างจากวิกฤตโควิดที่เราเผชิญตอนนั้นเป็นวิกฤตจริงๆ และผู้คนก็รับทราบได้ เพราะฉะนั้นฐานสำคัญของการออกพระราชบัญญัติกู้เงินฉบับนี้ จึงเอาความเห็นของกฤษฎีกามาตีความ แล้วอย่าลืมว่าที่สุดแล้วเมื่อจะตีความกฎหมายก็ต้องเอาความเห็นของฝ่ายกฎหมายมาตีความ โดยเฉพาะฝ่ายกฎหมายที่เป็นมือไม้ของรัฐบาล

“ภาษาผม ผมพูดว่าเหมือนไกด์นำทางแล้วนะ ลองดูนะ ผมว่าเขาฉลาดและกฤษฎีกาเขาไม่ได้บอกตรงๆ เขาบอกแบบนี้เป็นสิ่งที่ผมอยากจะบอกฝากไปยังรัฐบาลว่า บางทีถ้าเรายอมรับความจริง ลองทบทวนดูบ้าง ลองขยับขยายไปบ้างก็ไม่เป็นไร

วันนี้ก็ไม่อยากให้อธิบายว่าเราวิกฤต ในมุมของผม ส่วนท่านอื่นจะคิดอย่างไรเป็นอีกมุมหนึ่ง เราอยู่ในภาวะปกติธรรมดาเหมือนในประเทศภูมิภาคเอเชียและอาเซียนที่กำลังจะพัฒนาไปข้างหน้า หากเราจะพัฒนาให้เศรษฐกิจก้าวไปข้างหน้าเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่จะบอกว่าประชาชนเดือดร้อนลำบากแล้วจะใช้เงินเข้าไปให้เกิดการหมุนของเงินนั้น เป็นสิ่งที่ต้องอธิบายยากพอสมควร” นายตวง กล่าว

ส่วนที่ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ตีความความคิดเห็นของกฤษฎีกาว่าคือความเห็นว่าให้ทำได้ นายตวงกล่าวว่า ขอให้คุณลองย้อนไปดูความเห็นของกฤษฎีกาตั้งแต่ในอดีตถึงปัจจุบัน ว่ามีสักครั้งไหมที่กฤษฎีกาบอกว่าอันนี้ทำไม่ได้ครับ อันนี้ผิดครับ คำตอบคือไม่มี ซึ่งเขาจะไม่บอกว่าผิดหรือถูก มันอยู่ที่คนบริหารราชการแผ่นดินต้องใช้วิจารณญาณในการบริหาร เหมือนกรณีของโครงการจำนำข้าว คุณเคยเห็นกฤษฎีกาบอกว่าผิดไหม

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากรัฐบาลยังเดินหน้าโดยอ้างอิงความเห็นตรงนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้น นายตวง ระบุว่า ที่สุดคนตัดสินก็คือศาลเหมือนที่ผ่านมา และตนเชื่อว่ามีคนไปร้องศาลอยู่แล้ว เพื่อให้ศาลวินิจฉัยและมองว่าฝ่ายค้านก็ไม่ยอมเป็นประตูแรก และประตูอื่นคือภาคประชาชนเขายื่นอยู่แล้ว และศาลรัฐธรรมนูญก็เคยวินิจฉัยลักษณะแบบนี้มาแล้ว คุณไปอ่านคำวินิจฉัยก็จะรู้ว่าต้องมีองค์ประกอบสำคัญ

“ผมไม่รู้ เขาอาจจะมีธงของเขาที่อาจมองว่าหากไม่ประสบความสำเร็จ เขาอาจมีข้ออ้างไปต่อเป็นเรื่องการเมืองที่ผมไม่รู้ แต่ในความเป็นจริงเขาก็อาจจะรู้อยู่แก่ใจว่ามันยากเหมือนกัน มันอยู่ที่ฝ่ายรัฐบาลจะมองอย่างไร

ผมเห็นใจรัฐบาลเหมือนกันว่าเขาจะลงอย่างไร เพราะเขาประกาศตั้งแต่หาเสียงจนกระทั่งมาเป็นรัฐบาล คำถามคือเขาจะลงอย่างไรที่เขามีเกียรติภูมิศักดิ์ศรีและสง่างาม หากเขาลงไม่ได้ ในอดีตมันมีทางคือไปลงที่ศาลรัฐธรรมนูญ ที่สุดถ้าดื้อไป ก็จะไปถึงที่นั่นอยู่แล้ว”

Related Posts

Send this to a friend