POLITICS

‘ศุภชัย’ ยื่น กกต.สอบก้าวไกลปมขับปดิพัทธ์พ้นพรรค ชี้ชั้นตอนต่างจากกรณีขับ สส.คุกคามทางเพศ

‘ศุภชัย’ ยื่น กกต.สอบก้าวไกลปมขับปดิพัทธ์พ้นพรรค ชี้ชั้นตอนต่างจากกรณีขับ สส.คุกคามทางเพศ เข้าข่ายสมคบคิด-เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครอง

นายศุภชัย ใจสมุทร กล่าวถึงกรณีที่พรรคก้าวไกล ขับนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. และนายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี ออกจากพรรคในกรณีการคุกคามทางเพศ ซึ่งมีการดำเนินการเป็นขั้นตอนตามข้อบังคับและกฎหมาย แตกต่างจากกรณีการขับนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งไม่มีการดำเนินการในลักษณะเดียวกัน

นายศุภชัย กล่าวว่า จากกรณีดังกล่าว ตนจึงยื่นเรื่องถึงนายทะเบียนพรรคการเมือง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ตรวจสอบการพ้นจากการเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกลของนายปดิพัทธ์ พร้อมขอให้ตรวจสอบว่าพรรคก้าวไกลดําเนินกระบวนการทางวินัยกับนายปดิพัทธ์ตามข้อบังคับพรรคก้าวไกล และตามกฎหมายถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ โดยส่งแถลงการณ์พรรคก้าวไกล ลงวันที่ 28 กันยายน 2566 เป็นเอกสารประกอบ

ทั้งนี้ หากพิจารณาจากคําแถลงการณ์พรรคก้าวไกล คณะกรรมการบริหารชุดใหม่ และผู้แทนราษฎรของพรรคก้าวไกลได้ประชุมร่วมกันโดยให้นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรค รับตําแหน่งผู้นําฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และมีข้อความในแถลงการณ์ว่า ให้นายปดิฏิพัทธ์ออกจากการเป็นสมาชิกของพรรคก้าวไกล โดยมิได้แถลงว่ากระทําความผิดวินัยร้ายแรงตามข้อบังคับพรรคก้าวไกล ข้อ 119 วงเล็บใด ดําเนินการทางวินัยสมาชิกตามข้อบังคับพรรคอย่างไร

นายศุภชัย กล่าวว่า ได้ริเริ่มกระบวนพิจารณาทางวินัยสมาชิกพรรคตามข้อ 122 และแสวงหาข้อเท็จจริง พร้อมรวบรวมพยานหลักฐานประกอบขึ้นเป็นสํานวนคํากล่าวโทษ ตามข้อ 123 หรือไม่ และได้เรียกนายปดิพัทธ์มาให้ถ้อยคําหรือโต้ยังคํากล่าวโทษตามข้อ 124 หรือไม่ มีการสรุปข้อเท็จจริง การพิจารณาและเหตุผลในการวินิจฉัยประกอบการทําคําวินิจฉัยของคณะกรรมการวินัยสมาชิกพรรคตามข้อ 129 ถึงข้อ 131 หรือไม่ อีกทั้งยังไม่ปรากฏมติของพรรคก้าวไกลด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ของที่ประชุมร่วมตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 101 (9)

หากยังมิได้ดําเนินการดังกล่าวตามข้อบังคับ การดําเนินการของพรรคก้าวไกลจะยังไม่ถูกต้องครบถ้วน ส่งผลให้นายปดิพัทธ์ยังคงสภาพเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกล ไม่อาจไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองอื่นได้ และจากแถลงการณ์ของพรรคก้าวไกลชี้แจงในทำนองว่า นายนายปดิพัทธ์ลาออกโดยที่พรรคไม่ได้มีมติขับออกจากพรรคเพราะทำผิดวินัยร้ายแรง จะส่งผลให้สมาชิกภาพความเป็น สส.ของนายปดิพัทธ์ สิ้นสุดลงในทันที

นายศุภชัย กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า หากพรรคก้าวไกลมิได้ดําเนินการตามข้อบังคับพรรค และกฎหมาย การกระทําดังกล่าวเป็นการสมคบคิด หรือแสดงเจตนาลวงระหว่างพรรคก้าวไกลกับนายปดิพัทธ์ อันเข้าข่ายกระทําการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้เคยวินิจฉัยว่าเพียงแค่อาจเป็นปฏิปักษ์ ก็ต้องห้ามแล้ว หาจําต้องมีเจตนาประสงค์ต่อผล หรือต้องรอให้เกิดผลเสียหายร้ายแรงขึ้นจริงเสียก่อนไม่

อย่างไรก็ตาม หากนายทะเบียนพรรคการเมืองตรวจสอบแล้ว พรรคก้าวไกลมิได้ดําเนินการให้ถูกต้องตามข้อบังคับ และเป็นการสมคบคิดหรือแสดงเจตนาลวง โดยหวังผลให้หัวหน้าพรรคก้าวไกลได้รับตําแหน่งผู้นําฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และ นายปดิพัทธ์ยังคงดํารงตําแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรต่อไป อันเป็นการสมประโยชน์ทั้งสองฝ่าย เป็นความปรากฏต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองแล้ว ขอโปรดยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคก้าวไกลต่อไป

Related Posts

Send this to a friend