‘จตุพร- นิติธร’ ยื่นคัดค้านร่างกฎกระทรวงขายที่ดินให้ต่างชาติ

‘จตุพร- นิติธร’ บุกทำเนียบ ยื่นหนังสือคัดค้านร่างกฎกระทรวงขายที่ดินให้ต่างชาติ จี้ยกเลิกกฎหมายขายแผ่นดินทั้งหมด ไล่ ‘พล.อ.ประยุทธ์’ ไปคืนยศนายพล พร้อมชวนจับตา ร่างดังกล่าว เชื่อ หากประชาชนเงียบ รัฐก็นำกลับมาปัดฝุ่นอีก

วันนี้ (8 พ.ย. 65) เวลา 11:30 น. คณะหลอมรวมประชาชน ฯ นำโดย นาย จุตพร พรหมพันธ์ุ พร้อมด้วย นาย นิติธร ล้ำเหลือ ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อขอคัดค้านการดำเนินโครงการการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการลงทุน โดยการดึงดูดคนต่างด้าวให้เข้ามาถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดิน รวมถึงให้รัฐบาลยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงกฎหมายที่ดิน และกฎกระทรวงเกี่ยวข้องกับการให้กรรมสิทธิ์ถือครองที่ดินแก่ต่างชาติทั้งหมด โดยมี นายสมพาศ นิลพันธ์ ที่ปรึกษาสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนรับหนังสือ

นายจตุพร ระบุว่า กรณีเรื่องการขายที่ให้กับต่างชาตินั้น เป็นความพยายามของ พล.อ. ประยุทธ์ ตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว จนถึงประชาชนต่อต้าน และได้ยุติเรื่องนี้ไป ซึ่งแนวความคิดของพล.อ.ประยุทธ์นั้นยังเหมือนเดิม ซึ่งแต่เดิมเรามักจะพูดถึงกลุ่มแบ่งแยกดินแดนใน สามจังหวัดชายแดนใต้ แต่คนที่แบ่งแยกดินแดนที่น่ากลัวที่ ไม่ได้อยู่ใน สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ไม่เคยเสียดินแดนแม้แต่ตารางนิ้วเดียว แต่คือผู้ที่แบ่งแยกดินแดนในกรุงเทพมหานคร พัทยา และเขตเทศบาลต่าง ๆ

ซึ่งในวันนี้ คณะรัฐมนตรี ได้ให้กระทรวงมหาดไทยกลับไปทบทวนศึกษาใหม่ กฎกระทรวงดังกล่าว เพราะเป็นเรื่องละเอียด แต่ยังไม่ได้ถอน ซึ่งตนเองเชื่อว่า ในระยะเร็ววันนี้ ก็จะไม่กล้าที่จะนำกลับเข้ามาอีก แต่ผลพวงของการตัดสินใจครั้งที่ผ่านมานี้ได้เอาพระราชบัญญัติที่ดินแก้ไขปี 2542 ร่วมกระทั่ง กฎกระทรวงในปี 2545 ซึ่งเป็นทั้งกฎหมาย และกฎกระทรวงที่ตายแล้ว หรือไม่ได้นำใช้ เพราะได้ใช้เพียงแค่ 8 รายในช่วงกว่า 20 ปี

ซึ่งปรากฏการณ์นี้ ทำให้ประชาชนได้เห็น และตนเชื่อว่า พระราชบัญญัติที่ดินปี 2542 แก้ไข รวมทั้งกฎกระทรวงปี 2545 ซึ่งตายไปแล้วมันจะฟื้นคืนชีพขึ้นมา

นาย จตุพร กล่าวต่อว่า เพื่อเป็นการเรียกร้องให้มีการแสดงความรับผิดชอบรัฐบาลโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะต้องไปแก้ไขพระราชบัญญัติที่ดินปี 2542 และยกเลิกกฎกระทรวงในปี 2545

อีกทั้ง ร่างการส่งเสริมการลงทุน (BOI) พล.อ.ประยุทธ์ ได้ลงนามในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และให้มีผลย้อนหลังถึงเดือนมิถุนายน ให้บริษัทต่างชาติที่มีทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท สามารถถือกรรมสิทธิ์ที่ดิน 35 ไร่ ซึ่งหมายความว่าไม่มีอายุการครอบครองที่ดิน และสามารถครอบครองไปได้ตลอดชีวิต ซึ่งเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับชาวต่างชาติ ร่างกฎกระทรวงเสียอีก เพราะฉะนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะต้องยกเลิกคำสั่งนี้ และเปลี่ยนสภาพในเรื่องการถือครองที่ดินให้กลายเป็นลักษณะของการเช่า

นายจตุพร กล่าวอีกว่า คณะหลอมรวมประชาชน จะไม่ได้หยุดเพียงแค่นี้ ซึ่ง วันนี้ไม่ใช่ว่าท่านยินยอมด้วยความเต็มใจ หรือก็บอกว่าอธิบายประชาชนไม่เพียงพอ หรือแม้แต่การที่ท่านอธิบายมาพร้อมกับเรื่องสุราก้าวหน้า จึงถูกตีความเข้าใจผิด ความจริงก็คือ ให้กลุ่มทุนทั้งหมดรหัสลงทุนที่ถือที่ในเขตกรุงเทพมหานคร พัทยา และเขตเทศบาลก็เป็นทุนเดียวที่ได้ประโยชน์จากสุราก้าวหน้า

ทั้งนี้ พวกตน เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ และคณะไม่ได้มีความสำนึก เพียงแต่จนตรอก รอจนกว่าประชาชน จะเผลอกันอีก และดำเนินโครงการกันต่ออีกรอบนึง เพราะฉะนั้น ตนเอง และคณะขอให้ประชาชนร่วมจับตามอง หากมีการขายแผ่นดินอีกเมื่อไหร่ พวกเราก็ต้องออกมากันใหม่

ด้าน นายนิติธร กล่าวว่า การถอนกฎกระทรวงออกจาก ครม.นั้น พล.อ.ประยุทธ์ ไม่พูดเลย มีแต่ พล.อ.อนุพงษ์ ซึ่งดูแลกรมที่ดินเป็นคนพูด ส่วนนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน รู้ว่าคนทั่วโลกจะเคลื่อนย้ายหนีสงคราม กลับเน้นพูดเฉพาะเรื่องเงินเป็นหลัก แต่ไม่บอกจะเอาที่ดินคืนอย่างไร เนื่องจากเมื่อต่างชาติมาอยู่อาศัยในไทย ก็เรียกร้องความเป็นชนชาติของเขาในแผ่นดินที่ถือครองอยู่

“ที่ดินเหมือนเป็นรากฐานเดียวที่เหลืออยู่ของประเทศ ดังนั้น การร่วมกันคัดค้านจึงมีนัยยะสำคัญกับการแก้ไขปัญหาของประชาชนได้ แต่รัฐบาลมักแก้ปัญหาเศรษฐกิจด้วยการขายที่ดิน เราจึงต้องไปทำเนียบอีก”

นายนิติธร ย้ำว่า กฎกระทรวงขายแผ่นดิน รัฐบาลแค่ต้องการหยุดชั่วคราวเท่านั้น ถ้าต้องการหยุดจริงต้องไปแก้กฎหมายตั้งปี 2542-2545 และสิ่งสำคัญเรื่องขายแผ่นดินต้องไม่ออกกฎกระทรวงมาใช้ทำอีก รวมทั้งต้องแก้ไขประกาศ บีโอไอ. ด้วย

“ท่านควร คืนยศพลเอก กลับไปยังกองทัพบก คืนกลับไปยังสถาบันฯ คนอย่างท่าน ไม่เหมาะสมที่จะใช้ยศพลเอกนำหน้า ถ้าวันนี้ประชาชนไม่ลุกขึ้นเรียกร้อง ความอับอาย จนตราอยู่บนประเทศ ตราบชั่วนิรันดร์ ที่ผู้นำ ผู้บริหารประเทศนำแผ่นดินของประเทศไปขายในเวทีประชุมเอเปค ซึ่งเป็นเวทีประชุมระดับโลก แม้การเรียกร้องในวันนี้จะมีส่วนสำคัญให้ถอย แต่สันดานอย่างพวกท่าน ผ่านคำพูดออกมาแล้วยังไม่ได้แสดงเจตนาว่าจะยกเลิกแล้วไม่มีเจตนาที่ชัดเจน ที่จะไปแก้ขายของเก่าที่มีปัญหาด้วย ท่านยังคงดำรงเจตนาในการขายชาติขายแผ่นดินอยู่ ” นายนิติธรกล่าว