‘ภูมิธรรม’ ยังไม่ทราบมีชื่อ ‘แพทองธาร’ ติดโผเลือก หน.พรรค
‘ภูมิธรรม’ คาดเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ปลายเดือนกันยา – ต้นเดือนตุลา ไม่ทราบมีชื่อ ‘แพทองธาร’ ติดโผ หน.พรรค ส่วนชื่อโฆษกรัฐบาล ให้ไปถามเลขาฯ นายกฯ
วันนี้ (8 ก.ย. 66) ที่ทำการพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ก่อนขึ้นประชุมกรรมการบริหารพรรค ว่า การประชุมในวันนี้ มีสองเรื่องใหญ่ ๆ คือการหารือเรื่องคุณสมบัติของกรรมาธิการ ซึ่งจะต้องจัดสรรให้ตรงกับความรู้ความสามารถของผู้แทนราษฎร และการกำหนดการประชุมใหญ่เพื่อเลือกหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ที่จะต้องมีขึ้นภายใน 60 วัน โดยคาดว่าจะมีขึ้นในช่วงปลายเดือนกันยายน ถึงต้นเดือนตุลาคมนี้
ส่วนนางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ที่มีชื่อติดอยู่ในโผหัวหน้าพรรคคนใหม่นั้น นายภูมิธรรม ระบุว่า ตนเองยังไม่ทราบเรื่องนี่ แต่จะมีการหารือในเรื่องกรอบคุณสมบัติ ตอนนี้ยังคงมีเวลาในการหารือ และลงรายละเอียดเชิงลึก ซึ่งจะต้องหาผู้รับผิดชอบเรื่องนี้ เพราะในพรรคมีผู้มีคุณสมบัติพร้อมเป็นหัวหน้าพรรคอีกหลายคน
ส่วนชื่อโฆษกรัฐบาลที่ปรากฏชื่อ น.สพ.ชัย วัชรงค์ นั่งเก้าอี้โฆษกรัฐบาลนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า ต้องถามเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ส่วนตัวไม่ทราบรายละเอียด เพราะยุ่งอยู่กับกระทรวงที่ตนเองรับผิดชอบ ส่วนตำแหน่งรองโฆษก จะเป็นของพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ ตามกรอบจะมีตัวแทนจากพรรคร่วมมาร่วมทีมโฆษกด้วย โดยโฆษกเป็นของรัฐบาล ส่วนรองโฆษกจะเป็นของรัฐบาลและพรรคร่วม ซึ่งจะต้องหารือกัน พร้อมย้ำว่าเป็นเรื่องของเลขาธิการนายกฯ
นายภูมิธรรม กล่าวต่ออีกด้วยว่าการแถลงนโยบายรัฐบาลในสัปดาห์หน้า ได้ประชุมวางกรอบนโยบายไปแล้ว ตั้งแต่ตอนประชุม ครม.นัดพิเศษ ส่วนใหญ่เป็นกรอบนโยบายของพรรคเพื่อไทยเป็นหลัก ซึ่งได้รับการยอมรับจากพรรคร่วมรัฐบาล หลังจากนี้คณะรัฐมนตรีแต่ละกระทรวงจะต้องยึดกรอบนโยบายนี้เป็นหลัก ซึ่งนโยบายไหนปรับได้ก็ต้องปรับ แต่ไม่มีอะไรน่ากังวล ซึ่งกรอบนโยบายนี้ได้ครอบคลุมนโยบายที่พรรคเพื่อไทยหาเสียงไว้
เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคก้าวไกล ต้องการกรรมาธิการ ป.ป.ช. เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล นายภูมิธรรม กล่าวว่าขึ้นอยู่กับสภา และวิปแต่ละฝ่ายหารือกัน ซึ่งไม่เคยมีหลักปฏิบัติร้อยเปอร์เซ็นต์ โดยมองว่า สามารถเปลี่ยนแปลงไปตามยุคตามสมัย อยู่ที่การหารือของแต่ละพรรคว่าจะเห็นพ้องต้องกันอย่างไร แต่บางอย่างที่พรรคฝ่ายค้านออกมาพูด ก็เป็นการพูดเพียงด้านเดียว เคยปฏิบัติแบบนี้ก็ต้องปฏิบัติตามนั้น หากไม่ทำจะกลายเป็นว่ามีความคิดเคลือบแฝง ทั้ง ๆ ที่ความคิดไม่ใช่แบบนั้น มันอยู่ที่เราตกลงกันอย่างไร ขึ้นอยู่ที่ความพึงพอใจของทุกฝ่าย หากตกลงกันไม่ได้ ก็เป็นเรื่องของสภา โดยฝ่ายบริหาร จะไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้อง