สุชาติ ย้ำ ยังอยู่รวมไทยสร้างชาติ ชี้ พร้อมโหวตหากทำให้ประเทศเดินหน้า
ขอฝ่ายเห็นต่างควรอยู่ในกรอบ ซัดคนเบื้องหลังม็อบ ยอมรับกติกา - รธน.ไม่ได้ ไม่ควรเป็นคนไทย
วันนี้ (8 ส.ค. 66) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวย้ำถึงกระแสข่าวถูกจับตาจะแยกตัวออกไปร่วมรัฐบาลเพื่อไทย โดยย้ายออกจากพรรครวมไทยสร้างชาติ ว่า ผมตอบชัดๆ เลยว่าอยู่รวมไทยสร้างชาติ เราทำงานการเมืองในนามพรรรครวมไทยสร้างชาติ
เมื่อถามย้ำว่าจะมีการแยกก๊วน สส.ออกไปร่วมรัฐบาลเพื่อไทยหรือไม่ นายสุชาติ บอกว่าทางออกหลายๆทางมันมีสูตรทางคณิตศาสตร์เยอะ แต่เราไม่ได้เป็นคนคิดสูตร สูตรที่นักวิชาการและสื่อมวลชนคิด ก็คิดให้ทางออกกับประเทศ ว่าประเทศจะเดินทางไปทางไหน เพื่อเป็นทางออกและตั้งรัฐบาลได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่คิดได้ แต่ตัวผมเองยืนยันว่าวันนี้ยังอยู่ตรงนี้ เรามองว่า ทางออกของประเทศสูตรทางคณิตศาสตร์มีหลายสูตร แต่อยู่ที่ว่าจะตกผลึกอย่างไร เพราะไม่ใช่เราอย่างเดียวแต่ขึ้นอยู่กับในสภาสูง สส. สว.ด้วย เพราะต้องใช้เสียงถึง 376 เสียง แล้วก็ไม่รู้ว่าการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญจะออกมาเช่นไรพร้อมมองว่าตอนนี้ต้องอยู่เฉยๆ ก่อน
เมื่อถามถึงกรณีที่เคยให้สัมภาษณ์ว่าใจเป๋จากพรรรครวมไทยสร้างชาติ จากสาเหตุที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่อยู่แล้วนั้น จึงเป็นที่ถูกจับตา นายสุชาติ กล่าวว่า เป็นไปตามปกติ เพราะการทำงานในตำแหน่งรัฐมนตรีของตน ได้รับโอกาสจากพลเอกประยุทธ์มาอย่างสูงมาก และเป็นผู้ที่ช่วยเรื่องการทำงานด้านแรงงาน โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 มาโดยตลอด และตนก็มีความผูกพันกับท่าน
เมื่อถามว่าหากพรรคมีมติไม่เข้าร่วมกับพรรคเพื่อไทยในการจัดตั้งรัฐบาลจะทำตามมติหรือไม่ นายสุชาติ ระบุว่า ตนอยากให้ดูวันที่ 16 สิงหาคมนี้ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณารับหรือไม่รับคำร้องกรณีที่ผู้ตรวจการแผ่นดิน ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้พิจารณาว่าสามารถยื่นญัตติโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีซ้ำได้หรือไม่ ซึ่งถ้ารับและไม่รับจะมีทิศทางอย่างไรต่อ เพราะมันต้องตอบทีละยก พร้อมยืนยันว่าความรู้สึกในใจส่วนตัวอยากให้ประเทศเดินหน้าให้ได้ และจากที่พรรคเพื่อไทยประกาศจับมือกับพรรคภูมิใจไทยวานนี้ ก็ทำให้หุ้นเขียวทั้งกระดาน รวมถึงควรทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามา แต่พอมีเหตุการณ์ความรุนแรงอย่างกรณีหน้าพรรคเพื่อไทยวานนี้ ตนมองว่าความเห็นต่างสามารถทำได้แต่ควรอยู่ในกรอบรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกรอบสำคัญ เพราะประเทศไหนที่มีประท้วง เราจะกล้าไปเที่ยวไหมหละ
เมื่อถามว่าถ้าต้องการให้ประเทศเดินหน้า แต่ไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกับมติพรรค พร้อมจะโหวตสวนหรือไม่ นายสุชาติกล่าวว่า ยังไม่รู้ว่าวันนั้นพรรครวมไทยสร้างชาติจะร่วมรัฐบาลหรือไม่ ซึ่งจะเดินหน้าด้วยวิธีใด ขอให้มีรัฐบาลโดยเร็ว เพื่อที่เศรษฐกิจจะได้เดินหน้าได้
เมื่อถามยามว่าหากจำเป็นต้องยกมือให้เพื่อไทยเพื่อให้เสียงพร้อมจะทำหรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า ความจริงแล้ว สส.และ สว.มีเอกสิทธิ์ของเขา แต่อยู่ที่เรามองว่าหากไม่เคารพมติพักจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเรา แต่ถ้าเราใช้เอกสิทธิ์ของตัวเรา ถ้าข้างหน้าเป็นการทำให้บ้านเมืองเกิดความเจริญก็ต้องคิดอีกมุมหนึ่ง แต่ถ้ามติของเราทำให้ประเทศชาติบ้านเมืองเดินหน้าไปไม่ได้ก็ต้องคิดอีก ก็ต้องฝากชื่อเสียงด้วยตัวตนไปให้ถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน เพราะเราไม่ได้จบที่พรรคการเมือง เเละทุกคนที่เลือกเรามาก็มีความหวังว่าจะไปไหน แล้วเราเองก็ต้องตอบคำถามประชาชนให้ได้
นายสุชาติ ฝากถึงผู้อยู่เบื้องหลังการชุมนุม ว่า ควรต้องนึกถึงประเทศชาติก่อน ต้องรู้ว่าควรทำอะไร ต้องรู้ว่าเศรษฐกิจ กำลังเติบโตขนาดไหน แต่ถ้าคุณร่ำรวยและธุรกิจอยู่แล้ว ก็ถือเป็นความโชคดีขอคุณ แต่คนที่ลำบากยังมีอีกเยอะ และรอความหวังของนักท่องเที่ยว จะทำอย่างไร แต่ตนมองว่ามันไม่ถูกต้อง พร้อมย้ำว่าตนเคารพการตัดสินใจของทุกคน การเลือกตั้งแพ้ชนะก็ว่ากันตามเสียงประชาชน แต่การตั้งรัฐบาลก็อยู่ที่รัฐธรรมนูญ เพราะถ้ายอมรับกติกาหรือรัฐธรรมนูญไม่ได้ มันก็ไม่ควรที่จะเป็นคนไทย
เมื่อถามว่าตัวของแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีมีผลต่อการตัดสินใจ หรือไม่นายสุชาติ กล่าวว่า ตรงนี้เป็นเรื่องของเสียงส่วนใหญ่ซึ่งเราต้องยอมรับมติของเสียงส่วนใหญ่ แต่อย่างน้อยเราก็มีรายชื่อของแต่ละพรรคอยู่แล้ว ตนมองว่ามันอยู่ที่การตรวจสอบของแต่ละฝ่าด้วย และเป็นเอกสิทธิ์ของคนที่จะโหวตให้
เมื่อถามว่าความชัดเจนในการโหวตจะต้องรอดูหลังวันที่ 16 สิงหาคมหรือไม่ นายสุชาติกล่าวว่า ก็ต้องมานั่งดูกันอีกหลายๆเรื่องในพรรค
เมื่อถามยามว่าหากจำเป็นต้องโหวตสวนมติพรรคของรวมไทยสร้างชาติ เพื่อเดินหน้าประเทศ ก็พร้อมทำใช่หรือไม่ นายสุชาติ ถามกลับว่า ถ้าโหวตตามมติพรรคแล้วประเทศชาติเกิดความเสียหายเป็นสื่อมวลชนจะทำหรือไม่ และเมื่อเราเป็นผู้แทนเราก็ต้องดูว่า ถ้าพรรคเดินหน้าไปแล้วเกิดความขัดแย้ง หรือเดินไม่ได้ มันก็ต้องคุยหาข้อตกผลึกให้ได้ พร้อมยืนยันว่าร่วมหรือไม่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่จะทำอย่างไรให้ประเทศเดินไปได้