POLITICS

‘จิรายุ’ หวั่น ‘สายสีส้ม’ เป็น ‘โฮปเวลล์ 2’ จี้ ก.คมนาคม-รฟม. กลับไปใช้ประมูลรอบแรก

‘จิรายุ’ หวั่น ‘สายสีส้ม’ เป็น ‘โฮปเวลล์ 2’ จี้ ก.คมนาคม-รฟม. กลับไปใช้ประมูลรอบแรก หลังศาลปกครองกลางชี้มติล้มประมูลมิชอบด้วยกฎหมาย หวังคนมีนบุรี-บางขุนนนท์ได้ใช้โดยสารไม่ล่าช้า

วันนี้ (8 ก.ค. 65) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร (ส.ส.) พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน สภาผู้แทนราษฎร แถลงข่าวกรณีศาลปกครองกลาง พิพากษาตัดสินคดีโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ให้เพิกถอนมติยกเลิกการประกวดราคาของ คณะกรรมการตามมาตรา 36 และคำสั่งยกเลิกการประกวดราคาของผู้ว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ถือเป็นคำสั่งที่มิชอบด้วยกฎหมาย

นายจิรายุ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแค่ปัญหาของผู้ว่าการ รฟม. หรือแค่คณะกรรมการตามมาตรา 36 ที่ไปล้มประมูล เพราะในการประชุมของคณะกรรมการ มาตรา 36 ที่ไปยกเลิกและไปเปลี่ยนแปลงแก้ไขเงื่อนไขการประมูล ทั้งที่มีผู้แทนจากสำนักงบประมาณและคนอื่นทักท้วงหลายครั้ง จนถึงกระทั่งวอล์คเอาท์ออกจากที่ประชุม แต่คณะกรรมการตามมาตรา 36 ซึ่งที่มาอาจไม่เป็นกลาง เพราะส่วนใหญ่เกินครึ่งมาจากบุคคลที่เกี่ยวข้องกับผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงคมนาคมจนอาจมีผลประโยชน์ทับซ้อน

นายจิรายุ เปิดเผยว่า หลังอภิปรายไม่ไว้วางใจในประเด็นดังกล่าว ได้ประชุมพิจารณาสืบหาข้อเท็จจริงใน กมธ.กิจการศาลฯ ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา และได้ชี้ข้อสังเกตที่ผิดปกติเป็นจำนวนมาก อันเป็นสำนวนพยานประกอบในศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบไปแล้ว ซึ่งคำพิพากษาของศาลปกครองกลางเมื่อวานนี้ทำให้เชื่อได้ว่าการประมูลครั้งแรกมีปัญหา

“ขอแนะนำไปยังผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงคมนาคมและการรถไฟฟ้ามหานครว่า อย่าดื้อ ควรจะกลับไปใช้การประมูลในครั้งแรกทันที และควรรอฟังคำพิพากษาของศาลอาญาทุจริตฯ ว่าจะมีผู้บริหารระดับสูงของกระทรวง และกรรมการตามมาตรา 36 และผู้บริหาร รฟม. มีความผิดอาจต้องติดคุกกี่คน และหาก รฟม. จะอุทธรณ์ แต่ก็จะทำให้เกิดปัญหามากขึ้นไปอีก เพราะหากการอุทธรณ์แล้วพิพากษายืนตามศาลปกครองกลาง หรือระหว่างพิจารณาก็ต้องรอคำพิพากษา การเปิดประมูลครั้งใหม่ในวันที่ 27 กรกฎาคมนี้ ก็จะไม่ชอบด้วยกฎหมายอีก” นายจิรายุ กล่าว

นายจิรายุ ยังอ้างอิงข้อมูลจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในกรณีล้มการประมูลครั้งแรกว่าทำให้ล่าช้าไปอย่างน้อย 2 ปีที่ทำให้ประเทศสูญเสียไปกว่า 40,000 ล้านบาท ตลอดจนยังไม่มีผู้ใดออกมารับผิดชอบ และหากกรณีศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาออกมาเช่นนี้อีก ก็จะยิ่งทำให้การประมูลต้องทอดยาวออกไปอีกอย่างน้อง 1-2 ปี ซึ่งเชื่อว่าน่าจะสูญเสียนับ 100,000 ล้านบาท ที่ประชาชนตั้งแต่มีนบุรี คลองสามวา ไปจนถึงศูนย์วัฒนธรรมข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไปที่บางขุนนนท์จะสูญเสียประโยชน์มหาศาลจากการเดินทางและเศรษฐกิจของประเทศ

นายจิรายุ ยังกล่าวเรียกร้องขอให้นายกรัฐมนตรีหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างจริงจังและแก้ไขปัญหาให้รวดเร็วเพราะผู้ประมูลรายใหม่จะต้องเดินรถตั้งแต่มีนบุรีคลองสามวายาวไปจนถึงบางขุนนนท์แต่วันนี้ยังไม่สามารถเปิดประมูลได้ ทั้งที่ ส่วนที่ 1 จะเสร็จแล้ว

“เกรงว่าจะกลายเป็นปฏิมากรรมบนถนนรามคำแหง แบบโครงการโฮปเวลล์ และความเสียหายจะตกอยู่กับประชาชนคนไทยทั้งสิ้น” นายจิรายุ กล่าว

Related Posts

Send this to a friend