POLITICS

‘อนุทิน’ เสนอ ครม.เร่งจ่ายเงินคืน รพ.เอกชน ช่วยรัฐรักษาโควิด-19

วันนี้ (8 มี.ค. 65) ที่ทำเนียบรัฐบาล กรุงเทพมหานคร นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนากยรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวกับผู้สื่อข่าวถึงสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ว่า จากรายงานที่ได้รับ และจากตัวเลขผู้ติดเชื้อ เราน่าจะอยู่ในช่วงขาลง เมื่อย้อนดูทุกครั้งที่มีรอบการระบาด ให้ดูที่ยอดผู้ติดเชื้อ และยอดผู้หายป่วย

วันนี้ ยอดผู้หายป่วยสูงกว่าผู้ติดเชื้อ ประมาณ 5 พันคน เป็นสัญญาณดี ส่วนผู้เสียชีวิต ยังอยู่ในกลุ่ม 608 ไปจนถึงกลุ่มที่ไม่ได้รับวัคซีน และยังมีกลุ่มที่เสียชีวิตจากโรคเดิม กำลังให้ทางกรมควบคุมโรคชี้แจงรายละเอียดให้ชัดเจน เพื่อสร้างความเข้าใจกับประชาชน ไปจนถึงให้เห็นความสำคัญของการเข้ารับวัคซีน

เมื่อถามถึงโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อก ซึ่งพบเห็นนักท่องเที่ยว และประชาชนไม่ใส่หน้ากากเพิ่มมากขึ้น นายอนุทิน กล่าวว่า ทางผู้ว่าราชการจังหวัด และนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด มีกฎระเบียบ แต่ทั้งนี้ เรื่องของการใส่หน้ากากได้กลายเป็นค่านิยมร่วมกันไปแล้ว ขอถามว่า ถ้าเราเจอคนไม่ใสหน้ากากเข้าร้าน ทางร้านต้องมีแนวทางจัดการ เมื่้อ 2 ปีก่อน ตนเคยตำหนิคนกลุ่มนี้ไป แต่ถูกวิจารณ์อย่างหนัก มาปัจจุบัน น่าจะเข้าใจความรู้สึกกันแล้ว ว่าการเจอคนไม่สวมหน้ากาก คนไม่รักษาวินัย คนไม่รักษากฎระเบียบนั้น มันรู้สึกอย่างไร

“เกณฑ์ การรักษาผู้ป่วย ซึ่งตนเซ็นแล้ว เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องให้ ครม.พิจารณา เนื่องจากเป็นวิชาการทางการแพทย์ เป็นประเด็นการจัดระเบียบในการรักษาผู้ป่วย ซึ่งผู้ป่วย ที่อยู่ในเกณฑ์สี เขียว ให้เข้าสู่ระบบ Home isolation หรือการรับยาผ่านโครงการ เจอ แจก จบ เพื่อสำรองเตียงไว้สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง เรื่องนี้ลงนามไปแล้ว ไม่ต้องเข้า ครม.

ส่วนที่ต้องเข้า ครม. คือเรื่องของบประมาณ ที่จะมาดูแล ในโครงการ UCEP COVID-19 PLUS ซึ่งมีเกณฑ์ว่า หากสถานพยาบาลพบ พบผู้ป่วยอาการรุนแรงเข้าเกณฑ์ที่กำหนดจำเป็นต้องรับรักษา อาทิ หายใจไม่ออกหายใจขัด เป็นต้น สามารถเข้ารักษาที่โรงพยาบาลไหนก็ได้ ซึ่งพบว่าโรงพยาบาลเอกชนตามต่างจังหวัด รับดูแลผู้ป่วย แต่ยังเบิกงบไม่ได้ ภาครัฐ ก็ต้องสนับสนุนงบให้โรงพยาบาลด้วย หลักใหญ่ของเรื่องนี้ คือ เรายังจัดการเรื่องวัคซีน และการรักษาได้ วานนี้ ไปดูการบรรจุเวชภัณฑ์ สำหรับผู้ติดเชื้อ ที่ อยู่ในระบบ Home isolation การบรรจุ ต้องแยกเป็นเซ็ตตามอาการของผู้ป่วย ถือเป็นงานหนัก และบุคลากรทำได้ดี บุคลากรสาธารณสุข ทำงานกันหนักมาก”

Related Posts

Send this to a friend