“ประวิตร” ยืนยันไม่แย่งเก้าอี้มท.1 ย้ำ “อนุพงษ์” น้องผม
พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยืนยันว่าเรื่องในพรรคพลังประชารัฐไม่มีอะไร สบายใจทุกที ไม่มีอะไรสื่อไปเขียนกันเอง ส่วนเลือกตั้งครั้งหน้าจะได้ 150 เสียงมั่นใจใช่หรือไม่ พลเอกประวิตร ระบุว่า เราคิดไว้ว่าเป็นแบบนั้น และไม่บอกว่าจะมีใครเข้ามาพรรคเพิ่มหลังบอกไปว่าจะมีคนมาเพิ่ม ไว้ให้ใกล้ถึงเวลาก่อน ส่วนที่เมื่อวานนี้ขอร้องให้ส.ส.เข้าร่วมการประชุมสภาไม่ให้สภาล่ม ก็เรียบร้อย เพราะความจริงแล้วทางพรรค พรรคพลังประชารัฐก็เข้าประชุม 80 กว่าทุกครั้ง ทั้งนี้ก็ต้องขอร้องพรรคอื่นๆให้เข้าร่วมกัน
ทั้งนี้ ยืนยันว่า ตนเองจะเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ไม่ไปไหน และยืนยันว่าจะเป็นพักถาวรไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ พร้อมย้อนถามสื่อว่าพรรคจะแตกได้อย่างไร เพราะตนยังอยู่ และนายสันติ พร้อมพัฒน์ ก็ยังอยู่ มีอีกหลาบคน ก็อยู่กันทุกคน นายสุริยะ นายสมศักดิ์ ก็อยู่กันทั้งนั้น ยืนยันพรรคยังรักกันเหนียวแน่นเหมือนเดิม
ส่วนถึงเวลาที่ต้องชวนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มาอยู่กับพรรคแล้วหรือยัง พลเอกประวิตร ระบุว่า พลเอกประยุทธ์ ไม่ต้องมาหรอก เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอยู่แล้ว และไม่จำเป็นที่จะต้องคุยกับนายกรัฐมนตรีที่ไปตั้งพรรคนั้นพรรคนี้ ไม่ต้องคุย รู้กันอยู่ ยังไงก็อยู่กับตน อยู่ด้วยกันตลอด ไม่ต้องเคลีย
ส่วนได้พูดคุยกับ พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แล้วหรือยังหลังมีกระแสข่าวร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า จะขอเก้าอี้มท.1 ให้กับพลเอกประวิตรนั้น พลเอกประวิตร ระบุว่า โอ้ย อนุพงษ์ เป็นน้องผม มหาดไทยเป็นน้องผม ผมจะไปแย่งน้องได้อย่างไร ขอให้สื่อดูกันเองว่าเป็นแผนให้ทะเลาะกันหรือไม่ ส่วนที่มาผมจะไปรู้ได้อย่างไร เดี๋ยวก็หาว่าผมไม่รู้อีก
ส่วนพรรคเศรษฐกิจไทยกับพรรครวมไทยสร้างชาติที่ไปตั้งใหม่กันนั้นถือว่าเป็นพรรคพันธมิตรกับพรรคพลังประชารัฐได้หรือยัง พลเอกประวิตร ระบุว่า เขาก็อยู่ของเขา เราก็อยู่ของเรา และยืนยันว่าไม่ได้คุยกับร้อยเอกธรรมนัส แต่คุยกันว่าออกไปแล้วจะต้องสนับสนุนรัฐบาลชัดเจน ส่วนร้อยเอกธรรมนัส รับปากหรือไม่ พลเอกประวิตร ระบุว่า ไม่ต้องห่วงตนพูดยังไงต้องเป็นอย่างนั้น
ส่วนกรณีที่รัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทยไม่เข้าร่วมประชุมครม.เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับรถไฟฟ้าสายสีเขียว พลเอกประวิตร ระบุว่า เรายังไม่ได้พิจารณา แต่กำลังจะพิจารณาว่าจะทำกันอย่างไร ยังไม่ได้ตกลงใจ เพราะหากไม่พิจารณาจะผิดมาตรา 157
