POLITICS

‘อัจฉริยะ’ หอบหลักฐานยื่น ‘โรม’ สอบทุจริต ยันเอาผิดถึงระดับผู้ใหญ่ได้ไม่ยาก

‘อัจฉริยะ’ หอบหลักฐานยื่น ‘โรม’ สอบ “หมูเถื่อน-ส่งออกตีนไก่-เคลมภาษีน้ำมัน” ยันเอาผิดถึงระดับผู้ใหญ่ได้ไม่ยาก เผยข้าราชการ 3 กรมสารภาพหมดแล้ว ‘โรม’ ระบุ หลักการสำคัญคือต้องทำให้ปชช.มีข้อมูล จึงจะสามารถแก้ปัญหาเบื้องต้นและรับมือได้

วันนี้ (7 ธ.ค. 66) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางมาที่จุดรับยื่นหนังสือ ณ อาคารรัฐสภา โดยนำหลักฐานร้องเรียนมามอบให้ นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ตรวจสอบใน 3 ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการทุจริต

นายอัจฉริยะ กล่าวว่า เรื่องร้องเรียนที่ตนเองมายื่นในวันนี้มี 3 ประเด็น ดังนี้

1) การลักลอบนำเข้าเนื้อสุกรเถื่อน โดยมีข้าราชการระดับกรม 3 กรม เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งอาจจะโยงไปถึงนักการเมืองบางคน โดยถือว่ามีความคืบหน้าไปมาก

2) การสวมสิทธิ์ส่งออกตีนไก่ไปยังประเทศจีน ซึ่งมีความเกี่ยวพันกับอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

3) การส่งออกน้ำมันไปยังเมียนมา และวนกลับมาจำหน่ายในประเทศไทย โดยมีการขอคืนภาษีแบบผิดกฎหมาย 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งกระทำมาแล้ว 6 ปี

นายอัจฉริยะ ย้ำว่า เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ รวมถึงผู้ประกอบการและเกษตรกร ประเมินมูลค่าความเสียหายนับเป็นแสนล้านบาท

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าหลักฐานที่นำมายื่นในวันนี้ สามารถเอาผิดอะไรได้บ้าง นายอัจฉริยะ กล่าวว่า สิ่งที่นำมามอบในวันนี้ เป็นหลักฐานเบื้องต้น แต่หากวันที่กรรมาธิการเรียกชี้แจง ตนเองจะมีตัวบุคคลที่รับเงินใต้โต๊ะ ตั้งแต่ระดับล่างจนถึงอธิบดี และเกี่ยวข้องกับรัฐมนตรี ซึ่งได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว ทั้งหลักฐานเรื่องหมูเถื่อนและตีนไก่

เมื่อถามว่ามั่นใจว่าสามารถเอาผิดใครได้บ้าง นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ถ้าเอาแบบจริงจัง ไม่มีเกรงใจกัน ก็ถึงกันหมดทุกคน เพราะหลักฐานทิ้งร่องรอยด้วยเอกสาร คนทำชิปปิ้งก็ให้การรับสารภาพแล้ว รวมถึงมีเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ กรมประมง และกรมศุลกากรก็ได้ให้การซักทอดไปถึงผู้ใหญ่หมดแล้ว ขณะนี้มีครบแล้ว

ขณะที่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เบื้องต้นต้องยอมรับว่าเรื่องหมูเถื่อนเป็นเรื่องที่ใหญ่ บางคนอาจจะมองว่าเป็นแค่เรื่องหมูไม่น่าจะมีอะไร แต่ต้องยอมรับว่าปัญหาเรื่องหมูเถื่อนไม่ได้มีแค่การลักลอบนำเข้ามาแบบผิดกฎหมายเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบถึงการบังคับใช้กฎหมายของเราว่ามีปัญหาอย่างไร ซึ่งเรื่องนี้ หากไม่เอาผิดทางกฎหมายเราจะไม่มีทางรู้ว่าสินค้าทางการเกษตรที่เข้ามาสู่ไทยจะมีคุณภาพหรือเป็นอันตรายต่อสุขภาพของคนไทยหรือไม่ ยังไม่นับว่าอาจจะมีคนที่เกี่ยวข้องที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมือง เป็นคนสำคัญของบ้านเมือง เป็นคนที่มีชื่อเสียงของบ้านเมือง ที่อาจจะเข้าไปเกี่ยวข้องอีกด้วย นอกจากนั้นอาจจะส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าเกษตร ราคาหมูในประเทศที่อาจจะส่งผลกระทบต่อเกษตรกรต่อไป

“ดังนั้น เรื่องหมูเถื่อนจึงไม่ใช่แค่หมูเถื่อน แต่หมายความรวมถึงความหย่อนยานทางกฎหมาย ปัญหาทางสุขภาพ ปัญหาที่เกษตรกรอาจจะได้รับและอื่นๆอีกมากมาย เพราะฉะนั้นในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคง จะเอาเรื่องนี้เข้าหารือในกรรมาธิการ เพื่อที่จะได้มีการประชุมและจะพิจารณากันต่อไปว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป” นายรังสิมันต์ กล่าว

ทั้งนี้ ขอบเขตของ กมธ.ความมั่นคงฯ ค่อนข้างกว้างและครอบคลุมหลายเรื่อง เราสามารถพิจารณาประเด็นเรื่องยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ซึ่งเรื่องหมูเถื่อน เมื่อพิจารณาแล้วอยู่ในส่วนยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิบัติประเทศหรืออาจจะกระทบกระเทือนต่อกฎหมายเหล่านี้ เราก็สามารถที่จะบรรจุเข้าพิจารณาได้ แต่ตนเองก็ไม่สามารถตอบได้ว่าจะเข้าในขอบเขตไหนบ้าง จึงขอไปพิจารณา และปรึกษากันในกรรมาธิการก่อน

ส่วนกระบวนการการตรวจสอบหมูเถื่อนนั้น นายรังสิมันต์ มองว่า เรื่องนี้ค้างคามาเป็นเวลานาน ซึ่งความจริงตนเองก็คิดคล้ายๆ กับนายอัจฉริยะ และเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องยาก และน่าจะสาวไปถึงตัวการคนสำคัญได้หมด คำถามอยู่ที่ว่าจะทำหรือไม่ และแปลกใจว่าทำไมถึงยื้อกันนานขนาดนี้ ถ้าเรื่องไปถึงระดับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และความพยายามแสดงออกของฝ่ายต่างๆ เรื่องนี้ควรจะจบได้แล้ว ถ้ามาถึงขณะนี้ยังไม่สามารถดำเนินการจัดการกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดได้ ระบบกฎหมายของเราจะมีใครเชื่อถือ ซึ่งไม่ใช่เป็นแค่การสาวถึงคนที่เกี่ยวข้อง แต่เราต้องมานั่งคิดว่ามีเจ้าหน้าที่ใครบ้างที่เข้าไปเกี่ยวข้อง เราจะสามารถป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นซ้ำอีก เพื่อให้ดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องหมูเถื่อนที่นายอัจฉริยะมายื่นในวันนี้ แต่ยังมีเรื่องตีนไก่ด้วย ก็ต้องตรวจสอบต่อไปว่าจะมีใครที่เกี่ยวข้องกับกรณีนี้บ้าง ซึ่งเรื่องตีนไก่ตนเองยังไม่ได้ดูรายละเอียด จึงขอศึกษาและพูดคุยกับกรรมาธิการ เพื่อหาข้อสรุปก่อน

ส่วนในช่วงปีที่แล้ว ที่มีการระบาดของโรคอหิวาตกโรคในหมู แล้วรัฐบาลปิดบังประชาชนทำให้การตรวจสอบหมูเถื่อนยืดเยื้อมาถึงปัจจุบันนั้น นายรังสิมันต์ กล่าวว่า หลักการสำคัญคือต้องทำให้ประชาชนมีข้อมูล ประชาชนจึงสามารถแก้ปัญหาเบื้องต้นและรับมือกับขั้นตอนต่อไปได้ หากเกิดเหตุแบบนี้ แต่ปัญหาคือในช่วงเวลาที่มีโรคระบาด ประชาชนไม่รู้ว่าเจอกับอะไร ต้องรับมืออย่างไร และไม่ได้มีแผนสำรอง มาตรการภาครัฐก็ไม่มีความชัดเจน

“กระบวนการเหล่านี้เหมือนปล่อยให้ประชาชนที่เป็นเกษตรกรอยู่บนเรือ แล้วไปปล่อยให้อยู่กลางทะเล พวกเขาจะอยู่ได้อย่างไร จะไปรอดหรือเปล่า ไม่มีทางรู้ ดังนั้น สิ่งสำคัญเมื่อเกิดปัญหาที่เป็นวิกฤตภาครัฐ มีหน้าที่ที่จะต้องให้ความจริงกับประชาชน อย่าไปกังวลว่าถ้าให้ข้อมูลไปแล้วจะมีผลกระทบในลักษณะที่มีความกังวลหรือไม่ เดี๋ยวจะมีผลกระทบต่อตลาดหรือไม่ บางครั้งหากมีวิกฤตเกิดขึ้นอย่าคิดว่าคนอื่น เขาไม่ทราบถ้าเราให้ข้อมูลกับประชาชนการเตรียมตัวต่างๆ ก็จะตามมาประชาชนก็จะได้รับมือได้ นี่คือสิ่งที่ตนเองคิดว่าสำคัญและเป็นบทเรียนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในรอบที่แล้ว ในการแจ้งเตือนข้อมูลต่างๆให้ทางทันท่วงที” นายรังสิมันต์กล่าว

ส่วนกรณีที่เรื่องนี้มีความเกี่ยวพันธ์กับนายทุน มองว่าการตรวจสอบจะสาวไปถึงหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ถ้าสุดท้ายผลลัพธ์ที่ออกมา ไม่ได้นำไปสู่การแก้ปัญหาจริงๆ คือการจัดการกับคนที่เรียกว่านายทุนหรือปลาตัวใหญ่ของเรื่องนี้ ถ้าไม่มีการจัดการไปถึงระดับนั้น สุดท้ายก็เป็นแค่การตัดตอน คำถามคือ วันนี้เรื่องหมูเถื่อนจะจบแบบไหน จบแบบตัดตอน หรือสุดท้ายเป็นการแก้ปัญหาจริงๆ ที่จะนำไปสู่การทำให้เกิดการบังคับใช้กฎหมายของเราไม่หย่อนยานแบบที่ผ่านมา นี่คือสิ่งที่สำคัญ

Related Posts

Send this to a friend