‘สุรนันทน์’ ชำแหละขบวนการทุนดำใช้สแกมเมอร์ฟอกเงิน เพื่อยึดอำนาจรัฐ
‘สุรนันทน์’ ชำแหละขบวนการทุนดำใช้สแกมเมอร์ฟอกเงิน เพื่อยึดอำนาจรัฐผ่านการเมือง เตือนต้องสกัดกั้น ก่อนล่มสลายเหมือนหลายประเทศ คาดนายกฯ อนุทิน เลือกยุบสภาหนีหากถูกอภิปรายเชื่อมโยงคนในรัฐบาล
วันนี้ (7 พ.ย. 68) นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมเวทีสัมมนา ได้เวลาทุบทุนเถื่อน ซึ่งจัดโดยพรรคไทยสร้างไทย ที่โรงแรมเจซี เควิน สาทร กรุงเทพฯ
นายสุรนันทน์ กล่าวว่า ปรากฏการณ์สแกมเมอร์ในยุคดิจิทัลเป็นเพียง ยอดภูเขาน้ำแข็งของระบบทุนเทาดำที่ซ่อนอยู่ใต้ดิน ซึ่งขบวนการหลอกลงทุน การค้ามนุษย์ ยาเสพติด และบ่อนพนัน ล้วนเป็นกลไกเดียวกันในเศรษฐกิจใต้ดิน ที่กำลังขยายอิทธิพลเข้าสู่การเมืองไทยอย่างน่ากังวล โดยทุนมืดเหล่านี้ไม่ได้มุ่งเพียงแสวงหากำไรอีกต่อไป แต่กำลังใช้เงินมหาศาลเพื่อยึดอำนาจรัฐผ่านการฟอกตัวเองด้วยกฎหมายและนโยบายที่ดูเหมือนส่งเสริมเศรษฐกิจ
นายสุรนันทน์ กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของกลุ่มทุนเทาดำที่ใช้เทคโนโลยีการเงินสมัยใหม่อย่างคริปโตเคอร์เรนซีในการฟอกเงิน โดยเปรียบเทียบว่า ขบวนการเหล่านี้มีลักษณะซับซ้อนคล้ายกรณี ปานามาเปเปอร์ ที่เคยเขย่าโลก และยังคงมีร่องรอยในประเทศไทย ผ่านการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์และสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อเลี่ยงการตรวจสอบ
“โครงสร้างเมืองไทยเป็นโครงสร้างเทาดำ มีการใช้ทุนเทาดำ ยึดอำนาจรัฐ ซึ่งเราเห็นประสปการณ์ที่ล้มเหลวในหลายประเทศมาแล้ว และประเทศไทยกำลังอยู่ในจุดเปลี่ยนผ่านนั้น การเอาทุนดำ มาเป็นทุนของพรรคการเมืองบางพรรค มันกลายเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามประเทศ จึงต้องหาทางสกัดทุนดำเหล่านั้นไม่ให้เข้าสู่การเมือง”
นายสุรนันทน์ ระบุว่า ขณะนี้สหรัฐอเมริกาและจีนกำลังจับตาไทยอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะจีนที่เริ่มวิตกต่อเงินเทาที่ไหลออกจากประเทศมายังไทยจนกระทบภาพลักษณ์ความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยว พร้อมเปิดเผยเพิ่มเติมว่ามีข้อมูลใหม่จากทอม ไรท์ นักข่าวผู้เปิดโปงคดีอื้อฉาว 1MDB ที่เตรียมเปิดเผยลายแทงเครือข่ายฟอกเงินซึ่งอาจเชื่อมโยงถึงบุคคลในประเทศไทยในการประชุมของสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศวันที่ 19 พฤศจิกายนนี้ พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลและหน่วยงานอย่างป.ป.ง. รวมถึงตำรวจไซเบอร์เร่งตรวจสอบอย่างโปร่งใส ไม่ปล่อยให้เป็นเพียงข่าวที่ถูกกลบ
นายสุรนันทน์ เตือนว่าหากรัฐบาลยังนิ่งเฉยต่อข้อมูลที่ได้รับจากต่างประเทศ ความเชื่อมั่นของไทยในเวทีโลกอาจถดถอยอย่างรุนแรง การทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ โดยเฉพาะตำรวจไซเบอร์ที่ยังขาดความจริงจังในการติดตามขบวนการฟอกเงินและสแกมเมอร์ออนไลน์ ชาวบ้านที่แจ้งเบาะแสกลับไม่ได้รับความช่วยเหลือ ขณะที่ผู้มีอิทธิพลรายใหญ่ยังคงลอยนวล จึงเห็นว่าว่าการปฏิรูปต้องเริ่มจากฝ่ายการเมืองที่กล้าชนกับระบบผลประโยชน์ และให้ความสำคัญกับแนวคิด “นำน้ำดีไล่น้ำเสีย” ของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เพื่อสร้างกลไกการเมืองที่สุจริต
นายสุรนันทน์ กล่าวด้วยว่า นายกรัฐมนตรี อาจไม่จำเป็นต้องจัดอีเวนต์เชิญ 15 หน่วยงานมาลง MOU ในการปราบสแกมเมอร์ เพราะเป็นหน้าที่โดยตรง และคณะกรรมการใหญ่ที่สุดคือ คณะรัฐมนตรี หากนายกฯอนุทิน จะเอาจริง แค่เรียกประชุมครม.กำชับให้ทุกอย่างขับเคลื่อน และครม.ก็มีเวลาไม่ถึง 3-4 สัปดาห์แล้ว หากไม่เดินเครื่องในการปราบปรามสแกมเมอร์ ซึ่งทราบดีว่ามีคนในรัฐบาลถูกตั้งข้อสงสัย ก่อนที่ฝ่ายค้านจะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ อาจตัดสินใจยุบสภา ก่อนวันที่ 12 ธันวาคม และถ้าหาก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี ที่ถูกตั้งคำถามอย่างมาก จะเป็นองคุลีมาน กลับใจ อาจช่วยนายกฯอนุทิน ได้












