POLITICS

‘ไชยามพวาน’ ยอมรับ หลังพรรคก้าวไกลมีมติขับออก ย้ำ ยังเชื่อมั่นในอุดมการณ์พรรค

‘ไชยามพวาน’ ยอมรับ หลังพรรคก้าวไกลมีมติขับออก ย้ำ ยังเชื่อมั่นในอุดมการณ์พรรค วอน ประชาชนอย่าถือโทษ “เป็นที่ผมไม่ใช่ที่พรรค” อวยพร ให้ สส. ในพรรคโชคดี ยัน ยังไม่ลาออก ขอทำงานหนักขึ้น

วันนี้ (7 พ.ย. 66) นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร (สส.) กทม. ให้สัมภาษณ์ครั้งแรก ภายหลังพรรคก้าวไกลมีมติขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ว่า ตนเองยอมรับในมติของพรรค เพราะทำให้พรรคเสียหายมากจริง ๆ และยังอยากให้ทุกคนเชื่อมั่นในพรรคก้าวไกล อยากให้ทุกคนเชื่อมั่นในตัว สส.ที่ยังอยู่ในพรรคก้าวไกล ยังอยากให้ทุกคนเชื่อมั่นว่าในอนาคต นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ก็ยังคงเหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ครั้งนี้เป็นที่ตัวบุคคล ไม่ใช่พรรค

นายไชยามพวาน กล่าวต่ออีกว่า เพราะฉะนั้นอย่าถือโทษกับพรรคเลย ขอให้ถือโทษที่ผมทั้งหมด ผมยังอยากให้ทุกคนที่ยังคงเชื่อมั่นในอุดมการณ์ของพรรคก้าวไกล ยังคอยผลักดัน ดันหลังพรรคก้าวไกลตลอด และยังอยากให้ประชาชนทุกคนคอยติดตามกฎหมาย เหมือนที่พรรคก้าวไกลเคยบอกว่า ถึงจะเป็นฝ่ายค้าน แต่ก็จะเป็นฝ่ายค้านเชิงรุก โทษในครั้งนี้คือผมคนเดียว ไม่ใช่พรรคก้าวไกล ยังมีอีกหลายสิ่งที่อยากให้ทุกคนโฟกัสหลังจากเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จัดสรรที่ดินตัวใหม่ที่พยายามยื่น และแก้ไขอยู่ เรื่องข้อเสนอยุบกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) เรื่องสวัสดิการถ้วนหน้า วันนี้ในการลงพื้นที่ เพื่ออยากให้ทุกคนเห็นว่า เมื่อเราออกมาจากห้องแอร์แล้ว เราเห็นประชาชนที่หาเช้ากินค่ำ อยากให้ทุกคนยังคงเชื่อว่าการสร้างสวัสดิการถ้วนหน้าเป็นนโยบายที่พรรคก้าวไกลพยายามดันอยู่ จะสร้างประเทศที่ทุกคนเท่ากันได้

ส่วนเสียใจกับเหตุการณ์ในครั้งนี้หรือไม่ ที่ทำให้พรรคก้าวไกลขาดความเชื่อมั่น และศรัทธากับประชาชนมากขนาดนี้ นายไชยามพวาน กล่าวว่าเป็นความผิดของตนเองทั้งหมด ไม่ใช่ของพรรคเลย พร้อมยืนยันว่า พรรคก้าวไกลยังเป็นพรรคที่มีอุดมการณ์ ยังมีบุคคลที่เก่งๆ อีกมาก วันนี้เป็นที่ตัวบุคคล ตนเองไม่อยากให้ทุกคนไปล่าแม่มด หรือไปพูดอะไรกับใคร พรรคก้าวไกลยังคงยืนหยัดในการทำงานเพื่อทุกคน ทั้งในและนอกสภาผู้แทนราษฎร

ส่วนความเห็นส่วนตัวหลังจากการแสดงออกเช่นนี้ ดูเหมือนไม่อยากออกจากพรรคก้าวไกล นายไชยามพวาน กล่าวว่า ตนเองไม่ได้บอกว่าไม่อยากไปจากพรรคก้าวไกล แค่อยากให้ทุกคนมองว่าเป็นที่ผม ไม่ใช่พรรค

สำหรับการยอมรับว่ากระทำผิดในกรณีนี้นั้น นายไชยามพวาน กล่าวว่า เป็นกระบวนการยุติธรรมที่เห็นว่ามีคนไปยื่นกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และขอให้รอผลคำวินิจฉัยของ ป.ป.ช.

ส่วนยังคงยืนยันที่จะทำงาน สส. ต่อใช่หรือไม่ นายไชยามพวาน กล่าวว่า ตนเองยังคงจะตั้งใจทำงาน ไม่ใช่แค่ลงพื้นที่ทุกวันแบบปกติ แต่ต้องทำมากกว่าเดิมหลายเท่า

“ผมเคยพูดคำนึงครับว่า จะตั้งใจทำงานให้ดีที่สุด ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้ายที่เดินออกสภาฯ ผมต้องขอโทษ 47,650 คะแนนทุกคน ที่วันนี้ทำให้หลายคนลำบากใจ รวมถึงพรรคก้าวไกล และสังคมด้วย” นายไชยามพวาน กล่าว

ส่วนการถูกขับออกจากพรรคในครั้งนี้ ยุติธรรมหรือไม่ และการที่ผู้ช่วย สส. ออกมาบอกว่าไม่ยุติธรรมนั้น นายไชยามพวาน ระบุว่า ก็เป็นความคิดของคนใกล้ชิด เพราะพรรคก้าวไกลก็มีความคิดที่หลากหลาย ท้ายที่สุดคือผมที่ทำให้พรรคเจ็บขนาดนี้ มีรอยร้าวมากมายขนาดนี้ ก็เหมาะสมแล้วที่จะถูกขับออกมา และไม่อยากให้ประชาชนโทษหรือโกรธพรรค เพราะเพื่อพี่น้องในพรรคยังพยายามสร้างประเทศในแบบที่อุดมการณ์ใฝ่ฝัน แม้ตอนนี้จะไม่ได้อยู่ในพรรคแล้ว แต่ขออวยพรให้ทุกคนโชคดีจริง ๆ

ส่วนเส้นทางต่อจากนี้ จะไปพรรคไหน นายไชยาทำงาน ระบุว่า ยังไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้น สิ่งที่ต้องทำตอนนี้คือมีปัญหาหลายอย่างในพื้นที่ ที่ต้องทำก่อน คงต้องถามประชาชนว่าอยากให้ไปอยู่ไหน ซึ่งตนเองก็มีอุดมการณ์เหมือนพรรคก้าวไกล ยืนยันว่าจะยังไม่ลาออกจากการเป็น สส. และจะรอให้กระบวนการยุติธรรมสิ้นสุดลง

เมื่อถามว่าการไม่ลาออกจาก สส. เป็นการยึดติดหัวโขนหรือไม่ นายไชยามพวาน ระบุว่า ทุกคนมีสิทธิวิพากษ์วิจารณ์ ตอนนี้ผมเหมือนเด็กที่ได้เรียนรู้มากแล้ว พอมาเป็น สส. ก็ปรับตัวไม่ทัน พร้อมย้ำว่า ทุกท่านสามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ ทราบดีแล้วว่าเป็นบุคคลสาธารณะ และน้อมรับทุกคำวิพากษ์วิจารณ์

ส่วนจะขอโอกาสกับพรรค หรือ สส. อีกหรือไม่ นายไชยามพวาน กล่าวว่า ไม่ขอโอกาส เพราะเชื่อว่าทุกคนคงพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว และขอให้ทุกคนโชคดี

สำหรับบทเรียนที่ได้รับในครั้งนี้ นายไชยามพวาน ระบุว่า เป็นบทเรียนมหาศาลในช่วงวัยนี้ เราเป็นคนสาธารณะแล้ว ในวันที่เป็นบุคคลธรรมดาอาจทำได้ แต่เมื่อเป็นบุคคลสาธารณะ ก็ทำไม่ได้แล้ว เป็นบทเรียนให้เพื่อน สส. ทุกคนในอนาคตต่อไป

ส่วนที่ทางพรรคก้าวไกลบอกว่าเราไม่รู้สึกผิดอย่างแท้จริง สร้างความเสียหายซ้ำให้ผู้เสียหาย ไม่แสดงความจริงใจในการขอโทษผู้เสียหายนั้น นายไชยามพวาน ระบุว่า คำว่าจริงใจ มันก็ตีความได้หลายอย่าง หลายคนอาจตีความไปอื่น ๆ วันนี้เป็นที่บุคคล ไม่อยากทำอะไรให้พรรคต้องแปดเปื้อนไปมากกว่านี้ ก็ขอออกมา ให้พรรคเดินหน้าต่อไป

ส่วนการที่ผู้ช่วย สส. ตัดโลโก้พรรคออกจากป้ายหาเสียง แสดงว่าจะไม่เกี่ยวข้องกับพรรคอีกแล้วใช่หรือไม่ นายไชยามพวาน ระบุว่า ไม่เกี่ยว มนุษย์ทุกคนมีอารมณ์ มีความรู้สึก และยืนยันว่าพร้อมยกมือช่วยเหลือในสภา หากช่วยได้ก็ช่วยเต็มที่ เพราะตนเองเชื่อมั่นในพรรคก้าวไกล

สำหรับการกล่าวถึงผู้เสียหายนั้น ไชยามพวาน กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “พูดลำบาก เพราะรักทั้งทีมงาน และรักทั้งพรรค” โดยผู้สื่อข่าวสังเกตว่า ไชยามพวาน มีอาการน้ำตาคลอเบ้า และนิ่งเงียบอยู่หลายนาที โดยบางจังหวะได้มีการหันหลังเพื่อไปเช็ดน้ำตา

เมื่อถามย้ำว่าในครั้งก่อนมีการโค้งขอโทษหลายครั้ง จนสังคมตั้งคำถาม นายไชยามพวาน ระบุว่า ตนเองเป็นมนุษย์แบบนี้ ทำแบบนี้เป็นตลอด

Related Posts

Send this to a friend