POLITICS

‘GULF’ มอบกองทุน 100 ล้าน ช่วยเหลือทหารเสียชีวิต-บาดเจ็บ จากเหตุปะทะชายแดน

‘GULF’ มอบกองทุน 100 ล้าน ให้กองทัพบก ช่วยเหลือทหารเสียชีวิต-บาดเจ็บ จากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน ‘แม่ทัพภาค 2’ ชี้ จะนำเงินใช้ให้เกิดประโยชน์ หวัง GBC เป็นไปในทางที่ดี

วันนี้ (7 ส.ค. 68) ที่กองบัญชาการกองทัพบก นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และรองประธานกรรมการบริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ได้มอบกองทุนช่วยเหลือให้ทหารที่เสียชีวิต และบาดเจ็บจากเหตุการณ์ปะทะกันตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยมี พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นผู้รับมอบในครั้งนี้

นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และรองประธานกรรมการบริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สำหรับแรงบันดาลใจในการมอบทุนช่วยเหลือทหารในครั้งนี้นั้น จริง ๆ แล้วครอบครัวตนก็เป็นทหาร พอมีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาแบบนี้ตนก็รับรู้มาสักพักหนึ่งแล้ว ซึ่งมีโอกาสได้คุยกับกองทัพ และในกลุ่มบริษัทที่มีเรื่องโทรคม ทั้งมือถือ และดาวเทียมเข้าไปช่วยอำนวยความสะดวกในช่วงแรกอยู่แล้ว แต่ตอนนั้นแม่ทัพภาค 2 ก็ได้ติดต่อมา ในช่วงแรกพื้นที่ห่างไกลจึงไม่สามารถติดต่อสื่อสารกันได้ทางด้านวิทยุ แต่มือถือ แต่ก็มีสัญญาณดาวเทียมเหล่านี้เข้าไปช่วย จากนั้นมาก็ไม่ได้คาดคิดว่าสถานการณ์จะมีความรุนแรงขึ้นมา ตนเองก็เห็นตอนแรกที่มีทหารได้รับความเจ็บ ขาขาด ได้มีการบริจาคเงินให้กับครอบครัวเขา เพราะเห็นใจ คิดว่าครอบครัวคงจะมีความลำบาก แต่เมื่อเห็นว่ามีการเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บมากขึ้น จึงได้ปรึกษากันในกลุ่มบริษัทและครอบครัว และคิดว่าในฐานะเป็นบริษัทไทยที่มีกำลังอยู่บริษัทหนึ่ง และเป็นคนไทยด้วย จึงคิดว่าอะไรก็ตามที่สามารถเข้าไปช่วยกองทัพหรือความมั่นคงได้ก็ยินดีเข้าไปช่วย

นายสารัชถ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของงบประมาณ และการจัดซื้ออาวุธต่าง ๆ ตนเข้าใจว่ากองทัพน่าจะมีอยู่ส่วนหนึ่งแล้ว สิ่งที่ตนเองเข้าไปช่วยจึงเข้าไปช่วยครอบครัวทหารที่เสียชีวิต บาดเจ็บ ทุพพลภาพ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่เราตั้งใจไว้ วันนี้คนไทยส่วนมากก็มีความรักชาติ เป็นห่วง และอยากให้ความขัดแย้งนี้สิ้นสุดไป แต่ระหว่างที่มีอยู่อะไรก็ตาม ในฐานะที่เราเป็นคนไทย เราสามารถช่วยกองทัพหรือทหารที่อยู่แนวหน้าได้ ตนก็คิดว่าเป็นสิ่งที่ทุกคนพึงกระทำ วันนี้เราได้มีการตั้งกองทุนไว้โดยประมาณ 100 ล้านบาท สำหรับทหารที่เสียชีวิตและบาดเจ็บ ไม่เกี่ยวกับเรื่องยุทธภัณฑ์หรือการซื้ออาวุธต่าง ๆ

เมื่อถามว่า มองบทบาทของเอกชนอย่างไรในการช่วยเหลือกำลังพลที่เสียสละให้ประเทศชาติแบบนี้ นายสารัชถ์ กล่าวว่า ตนเองคิดว่าวันนี้คนไทยส่วนมากเป็นห่วงเป็นใยในเรื่องของอธิปไตยของประเทศเรา และห่วงความปลอดภัยของชาวบ้านที่อยู่ตามแนวชายแดน รวมถึงห่วงสวัสดิภาพและความปลอดภัยของทหารที่อยู่แนวหน้า ตนเองคิดว่าทุกคนเองก็รักชาติ ทุกคนก็อยากช่วยคนละไม้คนละมือ ช่วยเท่าที่จะช่วยได้ ไม่ว่าจะช่วยให้กำลังใจหรือช่วยด้านการบริจาคเงินนิด ๆ หน่อย ๆ ตนคิดว่าทหารที่อยู่แนวหน้าก็รู้สึกมีกำลังใจมากขึ้น

เมื่อถามต่อว่า นอกจากการมอบเงินวันนี้ ทาง GULF จะมีนโยบายอะไรที่จะสนับสนุนส่วนนี้อีกหรือไม่ นายสารัชถ์ กล่าวว่า ก็ดูตามสถานการณ์ไป ตอนนี้เราพยายามช่วยติดต่อ ซึ่งกองทัพได้มีการคุยกับเราหลายส่วนในเรื่องที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี และดาวเทียม อะไรก็ตามที่เราอำนวยความสะดวกหรือช่วยได้ ทางบริษัทก็พร้อมเข้าไปช่วยเต็มที่ โดยประเมินตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ในฐานะที่เป็นคนไทย และบริษัทไทย

ด้าน พล.ท. บุญสิน กล่าวว่า ในนามของกองทัพบกและกองทัพภาคที่ 2 ขอบคุณบริษัท GULF ที่นำงบประมาณมาเพื่อช่วยเหลือน้อง ๆ ลูกหลานทหารที่อยู่แนวหน้าที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ ตนเองต้องขอบคุณ และในนามของกองทัพภาคที่ 2 และกองทัพบกจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อนำงบประมาณที่ได้รับมอบในวันนี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุดตามวัตถุประสงค์ของทางบริษัท โดยเฉพาะกำลังพลที่บาดเจ็บและเสียชีวิต

เมื่อถามว่า ในพื้นที่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรือไม่ พล.ท. บุญสิน กล่าวว่า ไม่มี ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนของการหยุดยิงและการเจรจา GBC น่าจะได้รับความชัดเจนในเร็ววันนี้ โดยเราก็มีการตรึงกำลังพลอยู่และพร้อมปฏิบัติเมื่อมีคำสั่ง ซึ่งตนคาดหวังว่าผลการเจรจา GBC มีทิศทางที่ดีขึ้น

ส่วนกรณีที่รัฐบาลเตรียมจะฟ้องทางแพ่งและอาญาฝ่ายกัมพูชานั้น พล.ท. บุญสิน กล่าวว่า นั่นเป็นสิทธิ เรื่องนี้เป็นเรื่องของรัฐบาลที่ต้องทำเพื่อปกป้องสิทธิของคนไทย ตนเองบอกว่าถูกต้องแล้ว และคิดว่าสถานการณ์จะคลี่คลายลง ไม่น่าจะมีปัญหา เรื่องการหยุดยิงเราให้ความร่วมมืออยู่แล้ว หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเริ่มที่จะยิงก่อน นั่นถือว่าผิดมติที่ตกลงกันไว้ ซึ่งมีคณะผู้สังเกตการณ์ด้วย

เมื่อถามถึงกรณีโดรนในพื้นที่บางเบาลงหรือไม่ พล.ท. บุญสิน กล่าวว่า ดีขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่ตอนใน เนื่องจากว่าเราได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ซึ่งเป็นภัยต่อความมั่นคง เราอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเอาข้อเท็จจริงให้คนไทยได้ทราบ โดยในปัจจุบันดีขึ้น เบาบางลง และบางพื้นที่แทบไม่มีแล้ว ต้องขอบคุณคนไทยที่ให้ความร่วมมือในการบินโดรนในช่วงนี้ ซึ่งส่วนใหญ่ที่จะมาเป็นโดรนทั่วไป ไม่ใช่โดรนทางด้านการทหาร ไม่มีกล้อง แต่เราก็ต้องดูว่าผู้ที่บินโดรนนั้นขึ้นบินด้วยวัตถุประสงค์อะไร โดยอยู่ระหว่างการสอบสวน โดยทุกวันนี้จะมีเจ้าหน้าที่ส่วนต่าง ๆ ได้ร่วมมือกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องใหม่ในประเทศไทยเราพอสมควร แต่ทุกภาคส่วนก็ไม่นิ่งนอนใจ พยายามหาเครื่องมือแอนตี้โดรนทุกรูปแบบ ทางภาครัฐและเอกชนก็ได้ช่วยกัน เราสามารถตรวจจับโดรนได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

Related Posts

Send this to a friend