POLITICS

‘สุชัชวีร์’ ประกาศตั้งพรรคใหม่ดันการศึกษาเป็นธนูดอกแรก ชวนคนรุ่นใหม่ร่วมสร้างการเมืองแห่งความหวัง

‘สุชัชวีร์‘ เผย เตรียมตั้งพรรคใหม่ เน้นคุยคนนอกวงการ ชู ธนูดอกแรก นโยบายด้านการศึกษา คาด ได้ความชัดเจนสิ้นเดือนนี้ เชื่อ หากการศึกษาดี เศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิตจะดีไปด้วย รับ ทำการเมืองมันเจ็บ แต่ยังมีความหวัง

วันนี้ (6 ก.ค. 68) นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือ ดร.เอ้ ให้สัมภาษณ์กับ The Reporters ถึงการลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ โดยยอมรับว่า เป็นการตัดสินใจที่ยาก เมื่ออยู่ที่ไหน ก็รักที่นั่น ตนเองไม่ใช่คนเปลี่ยนงานบ่อย และก็คิดหนักมากเช่นเดียวกัน ซึ่งยืนยันว่าการลาออกครั้งนี้ ไม่ได้เกี่ยวกับความขัดแย้งเลย แต่ลาออกเพราะความฝันและอุดมการณ์ ตนเองทำการเมือง ลาออกจากทุกตำแหน่งเมื่อ 3 – 4 ปีที่แล้ว เพราะอยากใช้ความรู้ความสามารถมาปลี่ยนแปลงประเทศ แต่ทุกวันนี้ประเทศนี้หนักจริง ๆ ในช่วงชีวิตของพวกเราไม่เคยเจอปัญหาอะไรที่รุมเร้าขนาดนี้ ทั้งปัญหาเศรษฐกิจการเมือง สังคม ความมั่นคง สิ่งแวดล้อม และเรื่องการศึกษา ดังนั้น จึงรอไม่ได้ เลยตัดสินใจลาออกมาเพื่อเดินหน้าทำการเมืองตามอุดมการณ์ ตามความฝันของตัวเอง และแสวงหาเพื่อน ๆ ที่มีอุดมการณ์เดียวกัน

ส่วนหลายคนในพรรคประชาธิปัตย์ที่ตัดสินใจแล้ว เนื่องจากว่าแนวทางไม่ตรงกันกับพรรคนั้น โดยเฉพาะการตัดสินใจร่วมรัฐบาลต่อนายสุชัชวีร์ กล่าวว่า หากพูดแบบแฟร์ ๆ ทุกคนก็มีเหตุผลของตัวเองซึ่งเราก็ต้องเคารพเหตุผลนั้น แต่บางครั้งอาจไม่ตรงกับสิ่งที่เราตั้งใจเดินไปข้างหน้า ดังนั้นตนเองพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการวิจารณ์โดยเฉพาะบ้านเมืองของเรา และเรายังจากกันด้วยดีมีความเป็นพี่เป็นน้อง ให้เขาประสบความสำเร็จตามทิศทางของเขา แต่เราก็ต้องมีทิศทางของเรา ซึ่งบางทีไม่ได้มีความขัดแย้งอะไร แต่ทิศทางที่เราอยากทำไม่ตรงกับนโยบายของบริษัทเท่านั้นเอง

นายสุชัชวีร์ กล่าวถึงจุดเริ่มต้นในการมาทำงานการเมืองกับพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ตนเองติดตามพรรคประชาธิปัตย์มานานเพราะผู้ก่อตั้งพรรค นายควง อภัยวงศ์ ซึ่งจบคณะวิศวะโยธา จึงรู้สึกชื่นชมและผู้บริหารพรรครุ่นต่อมา ได้มีอุดมการณ์ซึ่งยอมรับว่าตนเองได้เรียนรู้อะไรมากมาย ถึงเป็นโรงเรียนการเมืองที่ดีมาก ให้พัฒนาตัวเอง ทั้งความคิดและจิตใจ

นายสุชัชวีร์ กล่าวอีกว่าเส้นทางการเมืองหลังจากนี้ตั้งใจที่จะตั้งพรรค ซึ่งขณะนี้เดินหน้า หาคนที่มีอุดมการณ์เดียวกัน ข้อแรกจะต้องเห็นแก่ประโยชน์ของประเทศชาติมากกว่าประโยชน์ของตัวเอง เชื่อว่ามีคนที่รักชาติมาก แต่วันนี้รู้สึกอึดอัดอยากช่วยให้ประเทศดีขึ้นโดยที่ไม่มีความขัดแย้งกับคนอื่น ซึ่งเชื่อว่ามีเยอะ และอยากทำพรรคการเมืองที่ชูเรื่องการศึกษาเป็นธงนำ เป็นธนูดอกแรก ซึ่งในวันนี้ต้องยอมรับว่าประเทศไทยที่เจอวิกฤตพื้นฐาน หรือสารตั้งต้น เกิดจากเครื่องการศึกษา เศรษฐกิจที่เราสู้ใครไม่ได้เลยในวันนี้ เราเห็นว่าประเทศเวียดนามชนะเราอย่างแน่นอน ซึ่งตนเองรับไม่ได้ เพราะคนไทยขาดทักษะที่จะไปสู้ เพราะพรรคการเมือง ก็ไม่พูดถึงเรื่องการศึกษา ถึงพูดก็ไม่มุ่งมั่นที่จะทำจริง จึงอยากทำพรรคการเมืองสักพรรคหนึ่ง ที่มีความมุ่งมั่นทำเรื่องการศึกษา เพราะจริง ๆ แล้วการศึกษาในยุคที่เป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาประเทศ ไม่มีประเทศไหนในโลก ที่ยกระดับจากประเทศที่ยากจน เป็นประเทศที่ร่ำรวย โดยที่ไม่มุ่งเรื่องการศึกษาในการพัฒนาระบบ เช่น เกาหลี ไต้หวัน ญี่ปุ่น จีนสิงคโปร์ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ต้องทำ

นายสุชัชวีร์ ระบุว่า ตนเองตั้งใจทำพรรคการเมืองที่ชูเรื่องการศึกษาเป็นธงนำ และไปสร้างเศรษฐกิจใหม่ด้วยการศึกษา เพราะวันนี้ประเทศไทยมันไม่รอดจริงๆดูตลาดหลักทรัพย์ซึ่งเป็นหนทางที่คนชั้นกลางจะมีโอกาสได้ฝากเงินก็ไม่มีเหลืออะไรเพราะมันไม่มีเศรษฐกิจใหม่ซึ่งเศรษฐกิจใหม่มาจากการใช้สมองมากกว่าแรงงานและจะเชื่อมโยงกับคุณภาพชีวิต และสุดท้ายเป็นค่านิยมเรื่องการสนับสนุนคนดี ไม่เอาคอร์รัปชั่น

นายสุชัชวีร์ ระบุว่า ข่าวที่ออกมาว่าพูดคุยกับคนในวงการการเมืองนั้น ไม่ใช่แบบนั้น คนที่ตนเองพูดคุยมาก คือคนนอกวงการการเมือง ซึ่งก่อนหน้านี้จะไปคุยกับใครมากก็ไม่ได้เพราะเราต้องมีมารยาทเพราะเราอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ แต่จากวันนี้ช่วงนี้ก็เดินคุยกับทุกภาคส่วน ซึ่งคนในวงการการเมืองก็มีแต่มาให้กำลังใจ ซึ่งมาจากหลายพรรคการเมือง เขาก็มองว่าเราอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง จึงได้ส่งกำลังใจมาให้

ส่วนการตั้งพรรคใหม่ เป็นการเข้าสู่การเมืองระดับชาติแล้วหรือไม่ นายสุชัชวีร์ ยอมรับว่า ใช่ เพราะทุกวันนี้เห็นแล้วว่าประเทศต้องการทิศทางใหม่ ต้องการคนใหม่ ๆ คนมืออาชีพ ส่วนจะเข้าไปถึงแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเลยหรือไม่นั้น ในวันนี้ยังไกลเกินไป และจากประสบการณ์การเมืองของตนเอง จะไม่ประเมินตัวเองสูงเกินไป ก็จะทำทีละขั้น จะระดมคนซึ่งจากการพูดคุยก็เห็นว่ามีคนเก่งอยู่มาก แต่เขาไม่อยากมาทำการเมือง ซึ่งการจะดึงเข้ามาทำการเมืองนั้น เป็นเรื่องที่ยากกว่า

”วันนี้มันตกอยู่ในวังวน มองทางไหนก็มีแต่ความขัดแย้ง และทุกพรรคเขาก็มีดี แต่ความขัดแย้งมันซับซ้อนมาก สุดท้ายทำให้นักการเมืองไม่มีสมองเหลือไปคิดในเรื่องการบริหารประเทศ หรือทิศทางใหม่“ นายสุชัชวีร์ กล่าว

นายสุชัชวีร์ กล่าวอีกว่า ในยุคของเรา ที่จะได้กลายเป็นเสือตัวที่ 5 ของเอเชีย แต่ปัจจุบันเราจะกลายมาเป็นหัวหน้าเต่า หรืออาจเป็นเต่าตัวท้าย ๆ ก็ได้ส่วนหนึ่ง เพราะว่าเรื่องการเมือง ตนเองว่าคนเห็นตรงนี้ตรงกัน

นายสุชัชวีร์ ระบุว่า ตนเองอยากทำพรรคที่ชูนโยบาย ก่อนเรื่องการเมืองทั้งที่เป็นพรรคการเมือง หากคนจะเลือกพรรคของเรา เขาก็น่าจะไว้ใจได้ว่าฝากลูกหลานไว้กับเราได้ เราอยากเห็นภาพแบบนั้นแน่นอนที่สุดพรรคการเมืองมีนโยบายเดียวไม่ได้ แต่ต้องมีนโยบายเรือธง เหมือนธนูดอกแรก โดยจะมีนโยบายเรือธงเรื่องการศึกษา การสนับสนุนคนดี ปราบคอร์รัปชั่น สำหรับตนเองการทำพรรคการเมืองสักพรรคหนึ่ง อยากทำพรรคที่มีความยั่งยืน และเราไม่ควรจะอยู่นาน ควรส่งไม้ต่อให้คนรุ่นใหม่ ๆ ที่เขาได้เรียนรู้ และมีความพร้อมที่จะดูแลการเมืองยุคใหม่ต่อไป และยอมรับว่ามันไม่ง่าย

ส่วนจะมีการตั้งพรรคใหม่ทันการเลือกตั้งในครั้งถัดไปหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่ตอบยากมาก เพราะบางคนบอกว่าจะยุบสภาแล้ว เราไม่มีทางเลือกเลยเพราะเราไม่รู้จริง ๆ เราแค่ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด

นายสุชัชวีร์ กล่าวอีกว่า ตนเองจะไปสหรัฐฯ อีกไม่กี่วัน ไปดูมหาวิทยาลัยมาตั้งที่ไทย ไปภารกิจนี้ช่วยประเทศไทย โดยระหว่างนี้ทีมงานเดินหน้าต่อไป และกลับมาปลายเดือนนี้ จะเห็นการเปลี่ยนแปลงอีกเยอะ และขณะนี้ยังไม่ได้จดทะเบียน การตั้งใหม่ก็ยากซับซ้อน หากดึงพรรคเก่ามาทำใหม่ เห็นหลายพรรคก็ใช้วิธีนี้ ช่วยลดเวลาไปเยอะ แต่ย้ำว่า ทุกอย่างต้องใหม่ เมื่อตั้งต้นแล้ว จะไม่เป็นแบบเดิม เป็นพรรคที่มีอุดมการณ์และเป็นของเรา

นายสุชัชวีร์ กล่าวอีกว่า ตนเองยังมีความหวังกับการเมืองไทย เราไม่มีทางเลือก ซึ่งการเมืองไม่สนุก มันเจ็บ มันเหนื่อย ตนเองต้องลาออกจากชีวิตที่มีความสุขมา ตนเองเห็นเลยว่าทำมหาวิทยาลัยก็ได้เท่านั้น ตนเองสร้างโรงพยาบาล ก็ได้แค่โรงพยาบาลเล็ก ๆ ได้ช่วยประชาชนเท่านั้น ช่วยเรื่องการศึกษา ก็ได้แค่ตรงที่เราทำ แต่หากเราจะเปลี่ยนแปลงประเทศ ต้องทำการเมืองเท่านั้น มันไม่มีทางเลือกอื่น ต่อให้มันยาก มันเจ็บแค่ไหน มันไม่มีทางอื่นเลย

ส่วนการเมืองไทยที่อยู่ในวงจรอุบาทว์ทางการเมืองมาหลายทศวรรษแล้ว นายสุชัชวีร์ กล่าวว่า วงจรอุบาทว์ทางการเมืองทำร้ายประเทศ เราหมดสิ้นเลย ถ้าเราไม่ทำอะไร เขาบอกให้เรามีจินตนาการคิดบวก แต่วันนี้คิดไม่ออกเลย ถ้าปล่อยให้บ้านเมืองเป็นแบบนี้

ส่วนการกลับไปลงสมัครในตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) นั้น นายสุชัชวีร์ ระบุว่า งาน กทม. ตนเองก็รัก ใฝ่ฝันอยากแก้รถติด อยากทำเรื่องการศึกษา ทำการพัฒนา ยังรักงาน กทม. แต่วันนี้เรื่องประเทศวิกฤตจริง ๆ และมันรอไม่ได้เท่านั้นเอง ที่เราต้องไปช่วยกัน และวิกฤตเรื่องการศึกษาคือตายจริง ประเทศที่ไปมีการศึกษาดี ไม่มีใครกล้าบุลลี่ประเทศนั้นเลย เพราะเขามีความเข้มแข็ง ประเทศที่ไม่มีใครกล้ายุ่ง เพราะมาจากความรู้ด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี หากประเทศไทยไม่ทำจริงๆพูดอย่างเดียวมันถึงเวลาแล้วหรือไม่ดังนั้นจึงอยากทำพรรคการเมืองที่ชูเรื่องการศึกษา และหากเครื่องการศึกษาเปลี่ยน ตนเองการันตีว่าอีก 10 – 20 ปี ประเทศไทยจะขึ้นไปเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วได้

“อยากเชิญชวนทุกท่านที่อยากจะมาช่วยกัน ผมเชื่อว่าทุกท่านรักประเทศนี้ และรู้สึกอึดอัดไม่น้อยกว่าผม จึงอยากชวนทุกท่านมาช่วยกันสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น และเริ่มต้นจากการศึกษา เพราะฉะนั้นแล้วต่อไปพวกเราลูกหลานเรา ก็มองไม่เห็นอนาคตเลย ดังนั้น มาช่วยกัน และขอกำลังใจและการสนับสนุนด้วย“ นายสุชัชวีร์ กล่าวทิ้งท้าย

Related Posts

Send this to a friend