POLITICS

‘ชัยธวัช’ เชื่อ โหวต ‘พิธา’ เป็นนายกฯ จบในครั้งเดียว

ปัดถอย แก้ ม.112 เน้นพูดคุยทำความเข้าใจมากกว่า เผย ยังมั่นใจในเสียง สว. ส่วนใหญ่ว่าจะโหวตให้ ลั่น “สิ่งที่เป็น อาจจะไม่ใช่สิ่งที่เห็นก็ได้”

วันนี้ (7 ก.ค. 66) นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน กล่าวถึงกรณีสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่ออกมายืนยันว่าเสียงส่วนใหญ่ของ สว. จะไม่โหวตให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โดยใช้ประเด็นเรื่องกฎหมายมาตรา 112 ระบุว่า จริงๆ เป็นความเห็นของ ส.ว. เพียงบางคน ซึ่ง ส.ว.ส่วนใหญ่ยังไม่แสดงออกอะไร และคิดว่าจะแสดงออกทีเดียวในวันโหวต ดังนั้นขออย่าพึ่งประเมินสถานการณ์จากสิ่งที่เห็น สิ่งที่เป็นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เห็นก็ได้

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงความมั่นใจในเสียง ส.ว. ที่ได้เจรจามาหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ก็ยังมั่นใจว่าจะผ่านไปได้ด้วยดี และยังมั่นใจในวิจารณญาณของ ส.ว. ส่วนใหญ่ ว่าอยากให้ประเทศชาติจะเดินหน้าอย่างไร ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นโอกาสสำคัญที่พี่น้องประชาชนแสดงออกว่าต้องการคืนความปกติให้กับระบอบประชาธิปไตยของไทย และตนก็เชื่อมั่นว่า ส.ว. จะให้โอกาสนี้กับประเทศไทย

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า จะมีการถอยบางเรื่องหรือไม่ เพื่อให้ ส.ว. โหวตให้นายพิธา ได้เป็นนายกรัฐมนตรี นายชัยธวัช กล่าวว่า คงเน้นไปที่การพูดคุยทำความเข้าใจมากกว่า ส่วนการขอให้ลดเพดานลง ตนเองยังไม่เข้าใจว่าจะหมายถึงอะไร แต่สิ่งที่ทำตลอดมา คือการอธิบายว่าเจตนารมณ์ของเราคืออะไร หรือเรามองเห็นปัญหาอย่างไร และเหตุผลที่เรามองว่าดีต่อระบอบประชาธิปไตย และสถาบันพระมหากษัตริย์มากกว่า

เมื่อถามย้ำว่า พรรคก้าวไกล จะยังคงยืนยันที่จะแก้กฎหมายมาตรา 112 หรือไม่ นายชัยธวัช ระบุว่า ยังมั่นใจว่าถ้าได้อธิบายเหตุผล ก็จะมีความเข้าใจมากขึ้น สำหรับการทำความเข้าใจกับ สว. ที่เหลือ ก็ต้องทำให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในเวลาที่เหลือ ซึ่งในเวทีสังคม หากมีแกนนำของพรรค รวมถึงนายพิธาได้ไปพูด ก็อาจจะสะท้อนผ่านไปยังวุฒิสภาด้วย โดยวันนี้ก็จะมีการหารือกับ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ในเรื่องของเวลาในกระบวนการแสดงวิสัยทัศน์ของแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่ถูกเสนอชื่อก่อนที่จะโหวต และการเปิดให้ ส.ส. กับ ส.ว. ได้ซักถามแคนดิเดตฯ อย่างเต็มที่ เพื่อทำให้เกิดความชัดเจนที่สุดก่อนการลงมติ

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากนายพิธาโหวตครั้งแรกไม่ผ่าน ควรจะโหวตใหม่ได้กี่ครั้ง นายชัยธวัช เผยว่า คงยังไม่สรุปเป็นตัวเลข ขอให้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่เป็นจริง เพราะมีหลายเหตุหลายปัจจัย และขออย่าพึ่งตัดจบไปในครั้งเดียว ส่วนการจะเสนอแคนดิเดตจากพรรคร่วมฯ อย่างพรรคเพื่อไทยนั้น ตอนนี้มีอยู่คนเดียว ขออย่าพึ่งพูดไปเร็วกว่านั้น ส่วนที่มีการวิเคราะห์จากเสียง ส.ว. ว่าการโหวตนายพิธาครั้งแรกจะไม่ผ่าน นายชัยธวัช กล่าวย้ำว่า “สิ่งที่เป็นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เห็น”

ส่วนแผนสำรองการเสนอชื่อโหวตซ้ำอีกในวันที่ 19 ก.ค. นายชัยธวัช กล่าวว่า ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ก็คงต้องว่าไปตามนั้น ไม่มีการเสนอครั้งเดียวแน่นอน แต่วันนี้ยังเชื่อว่าจะจบภายในครั้งเดียว

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า หากมีการเสนอชื่อชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นายชัยธวัช กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วของระบบรัฐสภา ซึ่งตนเองเชื่อว่า ส.ว. จะไม่สนับสนุนการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย สำหรับการประเมินเสียง ส.ว. สายทหารว่าเสียงจะถึง นายชัยธวัช ระบุว่า ขออย่าพึ่งดูถูกอาชีพทหาร ซึ่งตนคิดว่าทหารจำนวนมากมีความหวังดีกับประเทศชาติได้ รวมทั้งได้มีโอกาสพูดคุยกับ ส.ว. สายทหาร ตำรวจ ข้าราชการ อยู่ทุกวัน ก็จะทำให้เต็มที่ที่สุดจนถึงวันสุดท้าย และเชื่อว่าจะต้องมีแสงสว่าง เพราะชีวิตต้องมีความหวัง

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกลุ่มมวลชนที่สนับสนุนนายพิธา จะมีการเคลื่อนไหวนั้น นายชัยธวัช มองว่า เป็นการแสดงเจตจำนงของผู้ที่ลงคะแนนเสียงว่าให้เคารพผลการเลือกตั้ง และเสียงของประชาชนเป็นสำคัญ ประเด็นที่สำคัญคือให้ทุกฝ่ายปกป้องตัวระบบที่ควรจะเป็น ไม่ใช่ตัวบุคลหรือพรรคการเมืองใดพรรคนึง ส่วนการแสดงออกตนยังไม่ทราบในรายละเอียดว่าจะมีกลุ่มไหนทำอะไรบ้าง ส่วนการจะเคลื่อนไหวผ่านโซเชียลคงตอบแทนใครไม่ได้ อย่าชวนให้คิด เพราะเราอาจจะได้เฉลิมฉลองกันในเย็นวันที่ 13 ก.ค. นี้ ก็เป็นไปได้

ทั้งนี้ หากกระบวนการเลือกนายกรัฐมนตรีล่าช้า ก็จะส่งผลกระทบต่อการตั้ง ครม. ที่ล่าช้า ซึ่งจะส่งผลต่อการโยกย้ายข้าราชการ และการแก้ปัญหาเร่งด่วน เช่น ภัยแล้ง และเศรษฐกิจ ฉะนั้นจบเร็วมากเท่าไหร่ยิ่งดี และจบแบบเคารพผลการเลือกตั้งดีที่สุด เพราะจะทำให้การเมืองไทยมีเสถียรภาพ

Related Posts

Send this to a friend