POLITICS

‘เศรษฐา‘ ขอ ธปท.ลดอัตราดอกเบี้ยเหลือ 2.25% ก่อนเกิดภาวะเงินฝืด

‘เศรษฐา‘ ขอ ธปท.ลดอัตราดอกเบี้ยเหลือ 2.25% กระตุ้นเศรษฐกิจก่อนเกิดภาวะเงินฝืด ย้ำนโยบายการเงินการคลังต้องเดินไปด้วยกัน

วันนี้ (6 ก.พ. 67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการหารือกับนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อหาทางออกแก้ปัญหาการเงินว่า นโยบายการคลังได้คุยผ่านสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้อธิบายเรื่องภาวะเงินเฟ้อที่ติดลบ อีกทั้งมาตรการช่วยเหลือประชาชนลดค่าใช้จ่าย

โดยเงินเฟ้อกับอัตราดอกเบี้ยเป็นเรื่องใหญ่ อย่าลืมว่าเงินเฟ้อที่ติดลบ เกิดจากรากปัญหาต้นทุนสินค้าที่สูงขึ้น แต่เมื่อคุมตรงนั้นได้เงินเฟ้อก็ไม่มี แต่มาตรการที่จะขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่ลดดอกเบี้ย ต้องดูที่เงินที่เกิดจากการใช้จ่าย หรือดีมานพูล หมายถึงความต้องการไม่มี เงินเฟ้อไม่มี หากตรงนี้ไม่เกิดแสดงว่าปลอดภัย ที่จะลดดอกเบี้ย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หากลดดอกเบี้ยแล้วมีปัญหาเรื่องดีมาน อาจจะก่อให้เกิดเงินเฟ้อได้

จากตัวเลขทั้งสองฝ่ายแล้ว เงินเฟ้อเกิดจากราคาแพง ดังนั้นได้มีการพูดคุยกันชัดเจนอยู่แล้ว คงเป็นเรื่องความเห็นต่าง หรือจะเป็นเรื่องทิฐิ ตนเองไม่ทราบ แต่ชัดเจนอยู่แล้วว่าเงินเฟ้อติดลบติดต่อกัน 4 เดือนแล้ว เรื่องมาตรการที่รัฐบาลต้องการช่วยเหลือประชาชนไม่ว่าจะเป็นการลดรายจ่าย ลดค่าไฟ ลดค่าน้ำมัน รวมถึงการพักชำระหนี้เป็นการบรรเทารายจ่ายของประชาชน และยังไม่สามารถใช่งบของงบประมาณ ได้ จนกระทั่งเดือน พ.ค.นี้

ตอนนี้รัฐบาลขับเคลื่อนช่วยเหลือประชาชนได้โดยนโยบายอย่างเดียว นโยบายวีซ่าและการกระตุ้นการลงทุนจากต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุน ดังนั้นรัฐบาลต้องการให้เกิดการลงทุนเพื่อจับจ่ายใช้สอย การลดดอกเบี้ยเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะรายจ่ายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดอกเบี้ยเป็นสิ่งที่สำคัญ รัฐบาลรู้อยู่แล้วว่าดอกเบี้ยเป็นภาระค่าใช้จ่ายจำนวนมาก หากลดดอกเบี้ย ความเสี่ยงที่จะเกิดเงินเฟ้อเกือบจะไม่มี

ทั้งนี้นโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินดิจิทัลหรือไม่ นายเศรษฐกิจ ชี้แจงว่า เรื่องนี้สื่อมวลชนต้องไปพิจารณาเอง ตนเองเชื่อว่าน่าจะทำงานด้วยกันต่อไปได้ โดยนโยบายการเงินการคลังต้องเดินควบคู่กันไป และวันนี้เป็นที่ประจักษ์แล้วประเด็นเงินเฟ้อ ยังไม่อยู่ในจุดที่ตั้งไว้ ดังนั้นอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2.5% ต้องลดลงไป เหลือ 2.25% ก็ยังมีพื้นที่ ถ้าหากเกิดมีวิกฤติหรืออะไรเกิดขึ้นก็ยังสามารถลดลงไปได้อีก

ล่าสุดได้พูดคุยกับผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย มีสื่อสารผ่าน สศค.ตลอด แสดงให้เห็นว่าตรงไปตรงมา ไม่ได้ก้าวร้าว เป็นบทพิสูจน์อยู่แล้ว ตัวเลขก็เห็นด้วยตรงกัน เงินเฟ้อไม่ใช่ปัญหา ตอนนี้ปัญหาคือเงินฝืด ขอฝากไว้คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง.ที่จะประชุมกันด้วย

Related Posts

Send this to a friend