POLITICS

‘บิ๊กป้อม’ สั่งสำรวจแหล่งมลพิษริมคลองแสนแสบ

‘บิ๊กป้อม’ สั่งสำรวจแหล่งมลพิษริมคลองแสนแสบ พร้อมกำชับทุกหน่วยงาน บังคับใช้กฎหมายต่อเนื่องจริงจัง

วันนี้ (7 ก.พ. 65) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรียกประชุมคณะอนุกรรมการบริหาร พัฒนา อนุรักษ์ และฟื้นฟูคลองแสนแสบ ครั้งที่ 1/65 ผ่านระบบ VTC ณ มูลนิธิป่ารอยต่อฯ เพื่อขับเคลื่อนระบบขนส่งทางน้ำและแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่กระทบต่อประชาชนในพื้นที่กทม. ตามนโยบายของรัฐบาล

ที่ประชุมรับทราบผลความก้าวหน้าการดำเนินร่วมกันของ 8 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย กทม. องค์การจัดการน้ำเสีย กรมเจ้าท่า กรมควบคุมมลพิษ กรมโรงงานอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กรมชลประทาน และจังหวัดฉะเชิงเทรา โดยมีงานที่สำคัญตาม 5 เป้าประสงค์คือ การแก้ไขปัญหามลภาวะและคุณภาพน้ำ , การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ , การป้องกันและปราบปรามการบุกรุกทำลายทรัพยากรน้ำ ,การปรับปรุงภูมิทัศน์ และการเสริมสร้างความปลอดภัยในการสัญจรทางน้ำของประชาชน ระยะเวลาดำเนินการระหว่างปี 2564 – 2567 รวม 84 โครงการ

สำหรับภาพรวมคลองแสนแสบ ความยาว 72 กิโลเมตร เชื่อมโยงลุ่มน้ำเจ้าพระยาและบางปะกง ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและฉะเชิงเทรา พบปัญหาคุณภาพน้ำโดยรวมอยู่ในสภาพเสื่อมโทรมมาก ปริมาณน้ำเสียที่ระบายลงคลอง 807,672 ลบ.ม./วัน มีน้ำเสียที่ไม่ถูกจัดการกว่าร้อยละ 50 มีโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา 9 แห่ง อยู่ในข่ายเฝ้าระวังและต้องตรวจสอบกำกับดูแล มีแผนงานโครงการระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียที่เตรียมการก่อสร้างรองรับใน 5 พื้นที่

ที่ประชุม จึงได้เห็นชอบโครงการบำบัดน้ำเสียมีนบุรี ระยะที่ 2 ( กทม.) ที่สามารถบำบัดน้ำเสียได้ 42,000 ลบ.ม./วัน โดยขอให้นำเสนอคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติพิจารณา และให้วางแผนการก่อสร้างให้สอดคล้องกับสถานการณ์น้ำ เพื่อไม่ให้กระทบต่อการก่อสร้างและการระบายน้ำ รวมทั้งสั่งการให้กระทรวงมหาดไทย กทม. กรมโรงงานอุตสาหกรรม และกรมควบคุมมลพิษ เร่งสำรวจแหล่งกำเนิดมลพิษที่อยู่ริมคลองให้แล้วเสร็จภายในเดือนนี้ โดยให้บังคับใช้กฎหมายอย่างต่อเนื่องและจริงจัง เพื่อหยุดต้นทางน้ำเสียที่ไหลลงคลองให้ได้

พร้อมกันนี้ ยังได้ขอให้ กทม.เร่งจัดหาเรือขุดตะกอน เพื่อจัดการกับตะกอนท้องคลอง และพิจารณาซ่อมสะพานข้ามคลองที่ชำรุดทรุดโทรม ให้ประชาชนได้ใช้สัญจรอย่างสะดวกและปลอดภัย ส่วนกรมเจ้าท่า ให้เร่งปรับปรุงท่าเรือต้นแบบ ขยายผลไปยังท่าเรืออื่นๆ โดยคำนึงถึงความสะดวกและปลอดภัย และให้เร่งนำเรือไฟฟ้ามาใช้แทนเรือเครื่องยนต์ดีเซลที่ส่งผลต่อมลพิษทางอากาศ

Related Posts

Send this to a friend