‘วิชาญ’ ย้ำ ‘เพื่อไทย’ ดูแลสมาชิกทุกคนเท่ากัน โยน ‘จิรายุ-ศักดิ์ดา’ เคลียร์กันเอง
‘วิชาญ’ ย้ำ ‘เพื่อไทย’ ดูแลสมาชิกทุกคนเท่ากัน ไม่รู้ ‘ประเดิมชัย’ ซบที่ไหน โยน ‘จิรายุ-ศักดิ์ดา’ เคลียร์กันเอง หวังไม่ปล่อยข่าวให้พรรคเสียหาย
วันนี้ (6 ธ.ค. 65) นายวิชาญ มีนชัยนันท์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และประธานภาค กทม. ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย กรณี นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ส.ส. กทม. พรรคเพื่อไทย เริ่มแสดงท่าทีชัดเจนว่าจะย้ายไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย โดยนายวิชาญ ระบุว่าเรื่องจะย้ายไปอยู่พรรคไหนนั้น ยังไม่ทราบ แต่พรรคเพื่อไทยได้ประกาศชื่อ นายประเดิมชัย เป็นบุคคลผู้ประสงค์จะลงรับสมัครเลือกตั้งไปแล้ว
อีกทั้งพรรคยังได้ดูแลและให้โอกาสมาโดยตลอด ตั้งแต่การเลือกตั้งปี 2562 ที่ นายประเดิมชัย ยังเป็นสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) โดยส่วนตัวในฐานะประธานกรรมการสรรหาผู้สมัครฯ กทม. เห็นว่านายประเดิมชัย มีคุณสมบัติเหมาะสม จึงให้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส่วนจะย้ายไปอยู่พรรคอื่นใดนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง หากย้ายไปจริง พรรคก็ต้องพิจารณาหาผู้สมัครฯ ทดแทน
นายวิชาญ ปฏิเสธว่า ไม่ได้พูดคุยกับ นายประเดิมชัย ในเรื่องดังกล่าว แต่ข่าวเรื่องการทาบทามไปอยู่พรรคอื่น เริ่มปรากฏขึ้นเมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมานี้เอง ซึ่งส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องปกติของนักการเมืองที่จะต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง
“พรรคเพื่อไทยดูแลสมาชิกทุกคนเท่าเทียมกัน ผมกล้าพูด ผมอยู่ตั้งแต่ปี 2542 สมัยไทยรักไทย พรรคมีกติกาในการดูแลผู้สมัครฯ หรือ ส.ส. ทุกคนอยู่ในสัดส่วนที่พรรคดูแลตามหน้าที่การงาน สิ่งต่างๆ ที่พรรคทำ มีการดูแลอย่างสม่ำเสมอ ส่วนการจะถูกชักจูงหรือมีอะไรเป็นกรณีพิเศษ นี่ไม่ทราบ เพราะยังไม่ได้คุยกัน” นายวิชาญ กล่าว
สำหรับกรณีความขัดแย้งระหว่าง นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส. กทม. พรรคเพื่อไทย กับ นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อดีตอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ซึ่งได้รับการเปิดตัวจากพรรคเพื่อไทย ให้เป็นว่าที่ผู้สมัครฯ ส.ส. กาญจนบุรี จนทำให้ นายจิรายุ ประกาศขอทบทวนเส้นทางการเมืองของตนเองนั้น
นายวิชาญ กล่าวว่า การเป็นคู่ขัดแย้งระหว่างใครกับใคร ถือเป็นเรื่องส่วนตัว ส่วนเมื่อมีผู้แสดงเจตจำนงจะสมัครรับเลือกตั้งพรรคก็ต้องพิจารณาอยู่แล้ว หากเห็นว่ามีคุณสมบัติเหมาะสมก็เป็นส่วนของคณะกรรมการฯ และในเมื่อความขัดแย้งเป็นเรื่องส่วนบุคคลก็ไม่ควรจะต้องมาพูดกันในพรรค แต่ต้องไปสะสางกันเอง
อย่างไรก็ตาม ถ้าต้องการให้ผู้ใหญ่ในพรรครับรู้ ก็ควรมาบอกกล่าวกัน แต่ถ้าออกเป็นข่าวไปเยอะๆ ก็จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อพรรค
นายวิชาญ ยังมองว่า นายจิรายุ คงไม่ถึงขั้นจะพิจารณาออกจากพรรคเพื่อไทย แต่เป็นเพียงความไม่สบายใจ และเห็นว่าพรรคสมควรรับทราบ และเมื่อทราบแล้วพรรคก็คงจะเชิญมาหารือกันเบื้องต้น ย้ำว่าปัญหาความขัดแย้งในสมาชิกเช่นนี้มีทุกพรรค และคณะกรรมการสรรหาก็คงไม่ทราบว่าใครขัดแย้งกับใคร จะสนใจแต่เรื่องของคุณสมบัติเท่านั้น