POLITICS

‘ตรีนุช’ นำแถลงเปิดให้บริการระบบ e-WorkPermit

โครงการจ้างเหมาเอกชนผลิตใบอนุญาตทำงาน และให้บริการรับคำขอ และการแจ้งการทำงานของคนต่างด้าว (Outsourcing Service) เพื่อให้ทันสมัย โปร่งใส สะดวก รวดเร็ว เปิดบริการเต็มรูปแบบ 13 ต.ค. นี้

วันนี้ (6 ต.ค. 68) กระทรวงแรงงาน โดยกรมการจัดหางาน มีกำหนดจัดแถลงข่าวประชาสัมพันธ์การเปิดให้บริการระบบ e-WorkPermit โครงการจ้างเหมาเอกชนผลิตใบอนุญาตทำงานและให้บริการรับคำขอ และการแจ้งการทำงานของคนต่างด้าว (Outsourcing Service) โดยมีนางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธาน

นางสาวตรีนุช กล่าวว่า ตนเองรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้มาเป็นประธานในพิธีแถลงข่าวประชาสัมพันธ์ การเปิดให้บริการระบบ e-WorkPermit โครงการจ้างเหมาเอกชนผลิตใบอนุญาตทำงานและให้บริการรับคำขอ และการแจ้งการทำงานของคนต่างด้าว (Outsourcing Service) การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการดำเนินงานการให้บริการของรัฐ ในการยกระดับการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวให้ทันสมัย โปร่งใส สะดวก รวดเร็ว และตอบสนองความต้องการของประชาชนและภาคธุรกิจ ด้วยการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาประยุกต์ใช้ในการให้บริการรับคำขอ และกระบวนการออกใบอนุญาตทำงาน ตลอดจนการบริหารจัดการงานด้านเอกสารอย่างครบวงจร

กระทรวงแรงงาน โดยกรมการจัดหางาน จะเปิดระบบการให้บริการประชาชนด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ e-WorkPermit แบบออนไลน์ 24 ชั่วโมง

ทั้งนี้ ได้ปรับปรุงการดำเนินการออกใบอนุญาตทำงานโดยศูนย์บริการใบอนุญาตทำงานคนต่างด้าว หน่วยบริการใบอนุญาตทำงานแบบเคลื่อนที่ ศูนย์แรกรับเข้าทำงานและสิ้นสุดการจ้าง และศูนย์กำกับและควบคุมการปฏิบัติงาน 54 แห่งทั่วประเทศ โดยจะเริ่มให้บริการอย่างเต็มรูปแบบพร้อมกัน ในวันที่ 13 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป

สำหรับการดำเนินการลงทะเบียนในระบบ บริษัทนำคนต่างด้าวมาทำงานในประเทศ สามารถลงทะเบียนได้ทันทีหลังจากงานแถลงข่าวนี้ คนต่างด้าวและนายจ้างสามารถลงทะเบียนในระบบได้ในวันที่ 13 ตุลาคม 2568

กระทรวงแรงงานมุ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การยกระดับการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวดังกล่าว จะสร้างความมั่นใจให้กับนายจ้าง ผู้ประกอบการชาวไทย ลูกจ้าง และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน เพื่อสร้างรากฐานของระบบราชการที่มีประสิทธิภาพเพื่อประชาชนทุกคนต่อไป

นางสาวตรีนุช กล่าวอีกว่า ในนามของกระทรวงแรงงาน ตนเองขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่มีส่วนร่วมในการผลักดันให้โครงการเกิดขึ้นได้จริงและสามารถเปิดดำเนินการได้ตามที่มุ่งหวัง ดิฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการดำเนินงานการให้บริการของรัฐนี้ จะเป็นต้นแบบและจุดเริ่มต้นที่ดีของการพัฒนาระบบการให้บริการภาครัฐที่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง และพร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงของระบบราชการไปสู่ยุคดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ดี ตนเองขอใช้โอกาสนี้ แถลงความคืบหน้าในการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2568 เห็นชอบมาตรการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ เกี่ยวกับการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวที่มีสถานะไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งเป็นการเปิดขึ้นทะเบียนผ่อนผันให้แรงงาน 4 สัญชาติ ได้แก่ กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ที่ทำงานอยู่กับนายจ้าง สถานประกอบการในประเทศไทย โดยมีสถานะไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ให้สามารถอยู่และทำงานกับนายจ้าง สถานประกอบการ ได้เป็นกรณีพิเศษ 1 ปี เพื่อให้แรงงานดังกล่าวอยู่ในระบบที่ภาครัฐสามารถติดตาม ตรวจสอบได้ ขณะที่นายจ้าง สถานประกอบการ ก็มีแรงงานที่ถูกต้องตามกฎหมายในการทำงานขับเคลื่อนกิจการ ตัวแรงงานก็ได้รับการคุ้มครอง ได้รับสิทธิตามที่กฎหมายกำหนด ทำให้ประเทศมีความมั่นคงด้านแรงงานและความมั่นคงด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีด้านมนุษยธรรมและสิทธิมนุษยชนของประเทศในเวทีโลกด้วย

การดำเนินการดังกล่าวจะเริ่มในวันที่ 15 ตุลาคม 2568 มีขั้นตอน ที่นายจ้าง สถานประกอบการ และคนต่างด้าว ต้องดำเนินการ ดังนี้

1.ระหว่างวันที่ 15-29 ตุลาคม 2568 (15 วัน) ให้นายจ้าง/สถานประกอบการ ยื่นคำขออนุญาตทำงานแทนคนต่างด้าว และชำระค่าธรรมเนียมตามที่กฎหมายกำหนด 1,000 บาท ผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ 24 ชั่วโมง ทุกวันไม่มีวันหยุดราชการ โดยกรมการจัดหางาน จะออกเอกสารหลักฐานให้แก่นายจ้างและคนต่างด้าว เพื่อนำไปใช้แสดงต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการขั้นตอนต่อไป รวมถึงเพื่อใช้เป็นหลักฐานแสดงการได้รับอนุญาตให้ทำงานได้ถึงวันที่ 28 ธันวาคม 2568

2.ภายในวันที่ 28 ธันวาคม 2568 ให้นายจ้าง สถานประกอบการ พาคนต่างด้าวไปดำเนินการดังนี้

2.1 ตรวจสุขภาพ ณ สถานพยาบาลของรัฐ หรือสถานพยาบาลเอกชนที่ได้รับอนุญาตให้ตรวจสุขภาพคนต่างด้าวจากกระทรวงสาธารณสุข และมีการเชื่อมโยงผลการตรวจสุขภาพมายังกรมการจัดหางาน

2.2 ทำประกันสุขภาพ กับสถานพยาบาลของรัฐ หรือบริษัทประกันภัยเอกชนที่มีสถานะมั่นคงตามหลักเกณฑ์ที่กรมการจัดหางานกำหนดและมีการเชื่อมโยงข้อมูลกรมธรรม์ประกันสุขภาพของคนต่างด้าวมายังกรมการจัดหางาน ที่มีอายุความคุ้มครองไม่น้อยกว่า 6 เดือน

2.3 ตรวจสอบ/จัดเก็บข้อมูลอัตลักษณ์บุคคล (Biometric) กับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ทุกคน) ทั้งนี้ เฉพาะแรงงานสัญชาติกัมพูชาต้องรายงานกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองทุก 60 วัน

3.กรมการจัดหางาน พิจารณาออกเอกสารหลักฐานให้แก่คนต่างด้าว เพื่อใช้เป็นหลักฐานแสดงการได้รับอนุญาตให้ทำงาน 1 ปี (อนุญาตทำงานถึงวันที่ 14 ตุลาคม 2569)

4.ภายในวันที่ 14 ตุลาคม 2569 (ระหว่างได้รับการผ่อนผันให้อยู่ และทำงาน) ให้คนต่างด้าวไปดำเนินการจัดทำหรือปรับปรุงทะเบียนประวัติและออกบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย กับกรมการปกครอง และดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งหนังสือเดินทาง หรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง แล้วไปขอรับการตรวจลงตราหรือขอรับการตรวจอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว (Visa) เท่าระยะเวลาที่ได้รับอนุญาตทำงาน กับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง

นางสาวตรีนุช ย้ำว่า โครงการดังกล่าว จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับนายจ้าง และลูกจ้าง รวมถึงจะมีความโปร่งใสด้วย เพราะจะมีการเก็บข้อมูลอัตลักษณ์บุคคล จะช่วยทำให้ประหยัดเวลา และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น และยอมรับว่า ตนเองกังวลเรื่องแรงงานผิดกฎหมายที่อาจจะทะลักเข้ามา เราจึงได้ล็อกเวลาไว้ 15 วันในการลงทะเบียน เพราะเราก็กังวลเรื่องความมั่นคงของแรงงานที่ข้ามเข้ามา แต่เราต้องการทำให้แค่คนต่างด้าวในไทยขณะนี้ จึงมีเวลามีจำกัด ส่วนแรงงานผิดกฎหมาย และยังไม่มีนายจ้าง ตอนนี้เรารับกลุ่มนี้ก่อน และค่อยไปว่าอีกกลุ่มกันในอนาคต

ด้าน นายพิเชษฐ์ ทองพันธ์ อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวถึงความพร้อมในการเปิดให้บริการระบบ ว่า ในวันที่ 6 ตุลาคม 2568 เปิดให้บริษัทนำคนต่างด้าวมาทำงานในประเทศ หรือ บจก. ที่เป็นผู้รับอนุญาตสามารถลงทะเบียนในระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ ทั้งนี้ในส่วนของนายจ้าง สถานประกอบการ คนต่างด้าว จะมีข้อมูลเชื่อมโยงกันอยู่ในระบบเดิม โดยภายในสัปดาห์นี้จะมีการโอนข้อมูลทั้งหมดเข้าสู่ระบบใหม่ เพื่อให้นายจ้าง สถานประกอบการ สามารถลงทะเบียน และตรวจสอบข้อมูลคนต่างด้าวซึ่งเป็นลูกจ้างของตนในระบบได้ และสามารถดำเนินการทำธุรกรรม ไม่ว่าจะเป็นการยื่นคำขอใบอนุญาตทำงาน ยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาต การแจ้งต่าง ๆ ซึ่งเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดทั้ง 7 กระบวนงานได้ โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปติดต่อที่สำนักงาน สามารถดำเนินการได้บนระบบออนไลน์ทุกวัน ทุกเวลา 24 ชั่วโมง และไม่ต้องกังวลเรื่องระบบล่ม เพราะผ่านการทดสอบมาแล้ว

ทั้งนี้ สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารที่เว็บไซต์ eworkpermit.doe.go.th เฟสบุ๊คเพจ DOE e-WorkPermit และสายด่วน 1694 กรมการจัดหางาน

Related Posts

Send this to a friend