‘ราษฎร’ จี้รัฐบาลยุบสภา – ศาล รธน.เร่งวินิจฉัยคดีกฎหมายเลือกตั้ง

กกต.แบ่งเขต ออกเกณฑ์การเลือกตั้งที่ชัดเจน เตรียมเคลื่อนไหวหลังจากนี้ เชื่อคนอยากเลือกตั้ง
วันนี้ (6 ต.ค. 65) ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ กลุ่มราษฎร แถลงข่าวประกาศแนวทางการเคลื่อนไหว จี้รัฐบาลยุบสภา-ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณากฎหมายเลือกตั้งที่ค้างอยู่ทั้งหมดเพื่อเปิดโอกาสให้มีกฎหมายลูกโดยเร็วที่สุด-กกต.แบ่งเขตเลือกตั้ง กำหนดเกณฑ์ สูตรคำนวณคะแนนให้ชัดเจน โดยมี จตุภัทร บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน, ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือมายด์, สมยศ พฤกษาเกษมสุข, ธนพัฒน์ กาไชย, ณัฐนิช ดวงมุสิทธิ์ หรือใบปอ และเนติพร เสน่ห์สังคม หรือบุ้ง และคณะ ร่วมแถลง
แถลงการณ์ ระบุว่า เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า กลไกที่คสช. สร้างไว้ในรัฐธรรมนูญ 2560 ไม่ว่าจะเป็นรัฐสภา ที่ประกอบไปด้วย ส.ส. และส.ว. จากการเลือกตั้ง, องค์กรอิสระ ศาลรัฐธรรมนูญ ที่กลไกของคสช. คัดเลือกมาทั้งสิ้น หรือเงื่อนไขกรอบการ ทำหน้าที่ฝ่ายบริหารทั้งหลาย เป็นเครื่องมือที่ค้ำจุนอุ้มชูการสืบทอดอำนาจของคณะรัฐประหาร และไม่ว่า ข้อเท็จจริงจะชัดเจนเพียงใด กลไกเหล่านี้ก็ไม่เคยทำให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องพ้นจากอำนาจได้

แต่ช่วงเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่สถานการณ์โควิดเข้ามารุมเร้า ตามด้วยพิษเศรษฐกิจ และปัญหาน้ำท่วมกับการ จัดสรรทรัพยากร เราไม่เห็นบทบาทของรัฐบาลชุดนี้ในระดับนโยบายที่จะแก้ไขปัญหาอะไรได้ด้วยสติปัญญา มี เพียงการทำงาน “ปะผุ” เฉพาะหน้าสร้างภาพให้ตัวเองไปวันๆ ขณะที่รัฐสภาก็ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นทางออกใดๆ ให้กับประเทศชาติ เพราะสมาชิกรัฐสภากว่าสองในสามแทบไม่ได้มีบทบาทอะไรนอกจากการปกป้องอำนาจของรัฐบาล เท่านั้น ปรากฏให้เห็นจากการที่ “สภาล่ม” หลายต่อหลายครั้ง ทั้งที่ฝ่ายรัฐบาลกุมเสียงข้างมากไว้ได้ชัดเจนแล้ว และกฎหมายฉบับสำคัญๆ ก็ไม่ได้ผ่านออกมาเลย มีทั้งการ “ดอง” การ “คว่ำ” และการเล่นเกมต่อรองเสนอบ้าง ถอนบ้าง อยู่เรื่อยๆ
เรา “ราษฎร” ทั้งหลายจึงไม่อาจเชื่อว่า รัฐบาลและรัฐสภาชุดปัจจุบันจะพาประเทศไปทิศทางใดได้ การ คงอยู่ต่อไปมีแต่เพื่อการ “ซื้อ” อำนาจ เพื่อให้ตัวเองและพวกพ้องเสวยสุขต่อไปบนความทุกข์ของประชาชน เท่านั้น
บัดนี้ เหลือเวลาอีกไม่เกิน 7 เดือนเท่านั้น ก็จะมีการเลือกตั้งทั่วไปอีกครั้งที่ประชาชนจะได้ร่วมกันกำหนด อนาคตทางการเมืองของประเทศไทย ซึ่งเราไม่อาจนอนรอเฉยๆ ให้เวลามาถึงเอง ระหว่างที่ “พวกเขา” ครอง อ้านาจและจะทําอะไรกับประเทศนี้ไปอย่างไรก็ได้
เรา “ราษฎร” ทั้งหลาย จึงขอเรียกร้องให้ “ยุบสภา” และคืนอำนาจให้กับประชาชนโดยเร็วที่สุด ทันที
โดยจะต้องมีองค์ประกอบอย่างน้อยสามประการ ดังนี้
- ศาลรัฐธรรมนูญ จะต้องรีบวินิจฉัยคดีเกี่ยวกับกฎหมายเลือกตั้งที่ค้างอยู่โดยเร็วที่สุด โดยกำหนดกรอบ เวลาให้ชัดเจน และพิจารณาให้กฎหมายเลือกตั้งได้รีบบังคับใช้โดยเร็ว เพื่อให้เกิดความชัดเจนเกี่ยวกับ ระบบการเลือกตั้งที่จะใช้ในอีกไม่เกิน 7 เดือนข้างหน้า
- คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องรีบออกกติกาในรายละเอียดที่มีความชัดเจนว่า ผู้สมัครรับเลือกตั้ง จะทำอะไรได้บ้างหรือไม่ได้บ้าง และบังคับใช้อย่างเท่าเทียมกันกับผู้สมัครทุกพรรค ต้องประกาศวิธีการแบ่งเขตเลือกตั้งโดยเร็วโดยให้ประชาชนและผู้สมัครส.ส.ทุกพรรคร่วมกันออกแบบได้ ต้องประกาศสูตร คำนวนที่นั่งส.ส. ให้ชัดเจน รวมถึงสนับสนุนให้ประชาชนร่วมสังเกตการณ์การเลือกตั้ง การนับคะแนน การรายงานผลคะแนน และกำหนดวิธีการรายงานผลคะแนนที่โปร่งใส โดยเปิดเผยผลคะแนนรายหน่วย ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์
- คณะรัฐมนตรี ต้องเร่งรัดให้ทุกหน่วยงานเตรียมความพร้อม ความชัดเจนให้เร็วที่สุด และประกาศ “ยุบ สภา” คืนอำนาจให้ประชาชนโดยเร็วที่สุด เพื่อเดินหน้าสู่การเลือกตั้งที่โปร่งใสและเป็นธรรม
หากไม่มีการตอบรับ ไม่มีความคืบหน้า เรื่องการดำเนินการคืนอำนาจให้ประชาชนโดยเร็ว เราขอประกาศที่จะ เดินหน้าเรียกร้องโดยเฉพาะเจาะจงกับพรรคการเมืองทุกพรรค ให้ร่วมกันกดดันไปยังคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ประกาศ ยุบสภา และร่วมกันเรียกร้องไปยัง กกต. ทุกโอกาสให้เตรียมจัดการเลือกตั้งให้โปร่งใสและเป็นธรรมโดยเร็วที่สุด

โดยหลังจากนี้กลุ่มราษฎรจะมีการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง เพื่อเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งโดยเร็วที่สุดคืออำนาจสู่ประชาชน โดยเร่งให้เกิดกฎหมายลูกเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่ชัดเจนและขอให้รัฐบาลประกาศยุบสภา
จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน เผยว่า ความรู้สึกของประชาชนทั่วประเทศตอนนี้คืออยากเลือกตั้ง จึงอยากให้รัฐบาลรีบยุบสภาคืนอำนาจให้กับประชาชน ซึ่งเราจะไม่รออย่างเดียวแต่จะลงมือทำใครที่มีกำลังก็ให้มาช่วยกันทำ เพราะการเลือกตั้งบ้านเรายังไม่ปกติใต้กลไกของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ โดยครั้งนี้เราเรียกร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญและ กกต.ด้วย เพื่อไม่ให้เกิดข้ออ้างเป็นสุญญากาศทางการเมืองที่จะทำให้รัฐบาลสามารถรักษาอำนาจอยู่ต่อได้ เพราะมองว่ารัฐบาลชุดนี้พยายามจะรักษาอำนาจให้อยู่ต่อได้นานที่สุด จึงเชื่อว่าการเรียกร้องผ่านการเคลื่อนไหวรอบนี้อยากจะทำให้การเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นมีความชัดเจน และปลุกกระแสประชาชนให้ตื่นตัวพร้อมสำหรับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น
