POLITICS

‘ภูมิธรรม’ นั่งหัวโต๊ะสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน หลังไทยปิดดีลภาษีสหรัฐฯ 19% พร้อมเดินหน้าเจรจาการค้ากับกลุ่ม EU

วันนี้ (6 ส.ค. 68) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการหารือระดับสูงนักลงทุน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อการลงทุนในประเทศไทย ในงาน “Prime Minister Meets Investors: Confidence in Thailand’s Future – Prime Minister’s Dialogue with Global Investors” ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล

นายภูมิธรรม กล่าวว่ารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งและขอต้อนรับทุกคน วันนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีที่ได้มาร่วมหารือกับผู้บริหารระดับสูงของกลุ่มบริษัทชั้นนำระดับโลกที่มีการลงทุนในไทย การรับมือกับความไม่แน่นอนภาษีสหรัฐอเมริกาและประกาศอัตราภาษีใหม่แก่ประเทศไทย 19% รัฐบาลไทยตระหนักถึงความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจและกติกาการค้าโลก จึงมุ่งมั่นอาศัยโอกาสนี้ในการปรับปรุงกลไกต่าง ๆ เพื่อให้มั่นใจว่าธุรกิจที่ดำเนินการในประเทศไทยสอดคล้องกับกติกาโลกและลดความเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจ

รัฐบาลมีความจริงใจและมุ่งมั่นที่จะรักษาและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันกับนานาประเทศ เพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของท่านให้เติบโตอย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นด้านกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการประกอบธุรกิจ การพัฒนาบุคลากรทักษะสูง การเตรียมความพร้อมด้านพลังงานสะอาด และการเดินหน้าเจรจาเปิดตลาดการค้าต่างประเทศกับทั่วโลก

เรื่องการสร้างความสามารถในการเข้าถึงตลาดโลก ปัจจุบันประเทศไทยมีความตกลงทางการค้ากับ 24 ประเทศ อยู่ระหว่างการเร่งเจรจาความตกลงทางการค้าเพิ่มเติมกับกลุ่มสหภาพยุโรป, เกาหลีใต้ และแคนาดา ซึ่งจะช่วยเพิ่มความได้เปรียบของผู้ประกอบการในการส่งออกสินค้าจากประเทศไทยไปยัง 50 ประเทศทั่วโลก

ขณะที่การพัฒนากลไกพลังงานสะอาดเพื่อรองรับการดำเนินการธุรกิจอย่างยั่งยืน รัฐบาลไทยตระหนักถึงความสำคัญในการสร้างกลไกเพื่อรองรับการดำเนินงานธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยเมื่อต้นปีที่ผ่านมารัฐบาลโดยกระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเปิดให้บริการกลไก Utility Green Tariff แบบที่ 1 (UGT1) ให้บริการพลังงานสะอาดพร้อมเอกสารรับรอง โดยมีบริษัทให้ความสนใจยื่นขอใช้บริการกว่า 40 ราย และในปีนี้ตั้งเป้าที่จะเปิดให้บริการแบบที่ 2 ซึ่งเป็นพลังงานที่สามารถระบุแหล่งที่มาได้

ทั้งนี้รัฐบาลกำลังดำเนินการให้ผู้ใช้ไฟฟ้าสามารถทำสัญญาซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตได้ โดยจะเริ่มให้บริการพลังงานสะอาด 2,000 เมกะวัตต์แก่ผู้ประกอบธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ เนื่องจากเป็นกลุ่มผู้ต้องการใช้พลังงานสูงและมีข้อตกลงในระยะยาว หากการให้บริการล็อตแรกเป็นไปได้ด้วยดี รัฐบาลก็พร้อมที่จะพิจารณาขยายกลไกให้ครอบคลุมกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายอื่น

Related Posts

Send this to a friend