สมาคมนักข่าวฯ จัดเสวนาส่อง สว.ใหม่ ความหวังหรือวิกฤตครั้งใหม่

จี้ กกต.เร่งรับรองผลก่อนสอยทีหลัง ด้าน อ.นันทนา มองเป็นการเลือกที่พิสดารและวิปริตที่สุดในโลก
วันนี้ (6 ก.ค.67) สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย จัดกิจกรรมราชดำเนินเสวนา ครั้งที่ 2/2567 หัวข้อ “ส่อง สว.ใหม่ ความหวังหรือวิกฤตครั้งใหม่” ที่อาคารบางซื่อจังชั่น (ตึกแดง) ดำเนินรายการโดย นายชัยฤทธิ์ ยนเปี่ยม รองเลขาธิการฝ่ายสิทธิเสรีภาพและการปฏิรูปสื่อ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ฯ
ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่าการรับรองผล สว.เป็นเรื่องที่ไม่มีกรอบเวลา เนื่องจาก พ.ร.ป.การได้มาซึ่ง สว.ไม่ได้ระบุไว้นอกจากบอกว่าห้ามประกาศก่อน 5 วัน ทำให้ กกต.ไม่มีการสื่อสารกับประชาชน ท่ามกลางกระแสการฮั้วและโมฆะ จนเกิดความคลุมเครือ ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้น เป็นผลจากระบบที่ซับซ้อนที่สุดในโลก ซึ่งตนขอเสนอไปยัง กกต.ว่าควรสื่อสารกับประชาชนให้ชัดเจน ว่าจะใช้กรอบเวลากี่วันในการรับรองผล และเห็นด้วยว่า กกต.ควรจะประกาศรับรองผลก่อน และไปสอยทีหลัง
นวทางที่หวังจะได้ ส.ว.จากตัวแทนกลุ่มอาชีพ แค่เริ่มก็ผิดแล้ว เพราะแต่ละคนอาจมีอาชีพมากกว่าหนึ่ง บางคนไปสมัครในอาชีพที่ไม่ได้เลี้ยงชีพ บวกกับระบบการเลือกกันเองแบบไขว้ สุดท้ายใครจัดตั้งได้มากสุดก็ได้เปรียบ ซึ่งตนยืนยันว่ามีแน่นอน โดยดูไดเจากค่าเฉลยจากจำนวน สว.ทั้งหมด แต่ละจังหวัดควรจะมี สว.อย่างน้อย 2 คน แต่บางจังหวัดมี สว.มากเกินไป มี 13 จังหวัดที่ไม่มี สว.เลย จึงแปลว่าการเลือก สว.ล้มเหลว เพราะระบบไม่สะท้อนความเป็นผู้แทนได้อย่างแท้จริง
ส่วนสาเหตุที่เครือข่ายบ้านใหญ่ มาลง สว.กันมาก เพราะ สว.ชุดนี้ไม่ได้มีอำนาจแค่เป็นฝ่ายนิติบัญญัติเหมือนที่ผ่านมา แต่ให้ความเห็นชอบองค์กรอิสระด้วย ทั้งศาลรัฐธรรมนูญ กกต. คณะกรรมการป้องกันการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งมีส่วนได้เสียกับการเมืองในสภา และรัฐบาล รวมถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ส่วนมุมมองการเมือง เป็นที่ชัดเจนว่าพรรคสีแดง ที่หวัง จะมีเครือข่ายในวุฒิสภา ดูจะไม่บรรลุเป้า คนที่บรรลุเป้ากลายเป็นพรรคอันดับ 3 แปลว่าพรรคร่วมรัฐบาล มีอำนาจต่อรองกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มากขึ้น
รศ.ดร.นันทนา นันทวโรภาส ว่าที่ สว.กล่าวว่าเห็นด้วยอย่างยิ่งที่ กกต.ควรจะประกาศก่อน และค่อยไปสอยทีหลัง และเมื่อประกาศรับรองแล้ว สว.เก่าที่เกิดจะมาขยันตอนนี้ ทั้งที่อยู่มา 5 ปี ไม่ค่อยเห็นว่ามีผลงานอะไร แต่พอใกล้พ้นวาระ ก็อยากเปิดประชุม ตรวจสอบ สว.ชุดใหม่ ตนขอถามว่าทำได้หรือ เพราะหน้าที่ของ สว.คือการกลั่นกรองกฎหมาย และตรวจสอบฝ่ายบริหาร หาก สว.ชุดใหม่เข้ามา จะขอตรวจสอบที่มาของ สว.ชุดเก่าด้วยได้หรือไม่ ดังนั้น สว.ชุดเก่าควรจะยุติบทบาทโดยมารยาท แม้ กกต.จะยังไม่ได้ประกาศผล อย่าดิ้นรน
กติกาการเลือก สว.ครั้งนี้ พิสดารและวิปริตที่สุดในโลก ไม่ใช่กติกาที่จะเอาคนเข้าไปในฝ่ายนิติบัญญัติ แต่ใช้สำหรับเล่นเกมโชว์ จึงขอตั้งชื่อของกติกานี้ว่า โหดเหี้ยม หักหลัง และฮั้ว ทั้งนี้ สว.คือผู้ทรงคุณวุฒิ มีวุฒิภาวะ มีความรู้ความสามารถ โดยเฉพาะในสายกฎหมาย ดังนั้นหากกติกาไม่ได้ออกแบบให้คนลักษณะนี้เข้ามาก็ถือว่าไม่ตรงปก แต่กลายเป็นว่ากติกาไม่ได้กำหนดอะไรเลย เอาแค่อายุ 40 ปีอย่างเดียว แม้แต่คุณสมบัติการศึกษาขั้นตํ่า ที่อย่างน้อยควรจบปริญญาตรี รู้กระบวนการนิติบัญญัติ ไม่เช่นนั้นจะกลั่นกรองกฎหมายอย่างไร หากเป็นเช่นนี้ เราจะไม่ได้คนที่มีคุณภาพตรงปก เพราะฉะนั้น ขอให้กติกานี้ เป็นครั้งแแรก และครั้งสุดท้ายต้องแก้กติกาใหม่
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง กล่าวว่าตนเองคิดว่าในเรื่องของเจตนารมย์อยากได้ สว.ที่มีความหลากหลายในกลุ่มอาชีพ มีความเป็นกลางมี ความเป็นอิสระ ปลอดจากการแทรกแซงของนักการเมือง และกลุ่มทุนต่าง ๆ และภายใต้การออกแบบที่อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ สิ่งต่าง ๆ ต้องสอดคล้องกัน ทั้งวิธีการปฏิบัติต่าง ๆ ที่อาจจะทำให้เกิดปัญหา โดยการเป็นตัวแทนในกลุ่มอาชีพมีความหละหลวม ที่ไม่ได้เกิดขึ้นในขั้นของรัฐธรรมนูญ แต่หละหลวมที่ออกระเบียบของ กกต.
การเลือกครั้งนี้ดูเหมือนจะโดนแทรกแซงจากกลุ่มพรรคการเมือง ดังนั้นในความเป็นกลางไม่ได้เกิดขึ้น และทำให้สิ่งที่ตั้งใจไว้ไม่เกิด และเปิดช่องว่างให้มีการฮั้วกัน นั่นคือมีกลุ่มคนอยู่ในระดับอำเภอเพื่อเข้าไปเป็นโหวตเตอร์ ตนเองจึงขอท้า กกต. เปิดว่ามีบัตรเสียจำนวนมหาศาลเท่าไหร่ ส่วนในรอบของจังหวัดถ้ามีหลุดเข้ามาที่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ส่วนโพยนั้นมีหลายแบบที่เสนอสนองกัน และทำให้เห็นว่าภาพของการเลือกเป็นกลุ่มก้อนที่มีคะแนนสูง มีทั้งคำว่าจัดที่เลือกเป็นชุดเหมือนกัน และกลุ่มที่มีความเด่นดังเป็นพิเศษ
นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล ว่าที่ สว.กล่าวว่าหลังจากที่ กกต. รับรองแล้วเราต้องติดตามตั้งแต่เลือกผู้ที่จะมาเป็นประธาน สว. และหลายอย่างจะบอกได้จากการขับเคลื่อนว่าสิ่งที่เราคาดหวังในสิ่งที่เราคิดว่าสว.ชุดนี้มาจากบ้านเล็กหรือบ้านใหญ่ หรือมาจากสีอะไร เราก็สามารถที่จะติดตามตรวจสอบได้ตั้งแต่การเลือกตั้งประธาน หลังจากนั้นจะมีกระบวนการขับเคลื่อนตามขั้นตอน และสังคมจะเห็นบทบาทว่าสว.ชุดนี้จะสามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหรือเป็นที่คาดหวังของประชาชนได้หรือไม่ เรื่องวิกฤตของประเทศไทยรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ผมเห็นชัดเจนว่ารัฐธรรมนูญคือปัญหาหนึ่งของวิกฤตของประเทศ ฉะนั้นถ้ามีช่องทางใดช่องทางหนึ่งที่แก้ไขได้จำเป็นต้องแก้ และจุดยืนของตนคือสนับสนุน