POLITICS

‘ผศ.ดร.ปริญญา’ มอง โหวตเลือกนายกฯ มากกว่า 1 ครั้ง

วันนี้ (6 ก.ค. 66) ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงมุมมองในการเลือกนายกรัฐมนตรี

ผู้สื่อข่าวถามว่าแนวทางในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีจะราบรื่นหรือไม่ ผศ.ดร.ปริญญา กล่าวว่าถ้ามองจากการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ผมคิดว่าในส่วนของตำแหน่งรองประธานสภาคนที่ 1 มีการเสนอชื่อแข่งจากพรรครวมไทยสร้างชาติ จึงทำให้เห็นว่าในการเลือกนายกฯ ทางพรรคก็อาจส่งชื่อมาแข่ง แต่ประเด็นสำคัญคือในการเลือกนายกฯ ไม่เหมือนกับการเลือกประธานสภาฯ เพราะตามบทเฉพาะกาลมี ส.ว.เข้ามาร่วมโหวตด้วย

“การที่มีนักการเมืองพรรคหนึ่ง รวมเสียงได้เกินครึ่ง พรรคอันดับหนึ่งพรรคนั้นเขาได้เป็นนายกอยู่แล้ว แต่การรวมเสียงได้ถึง 312 เสียง ออกจะมากเกินไปสักหน่อย เพราะฝ่ายค้าน เหลือแค่ 118 เสียง คือมันเข้มแข็งจนเกินพอในการเป็นรัฐบาล”

ผศ.ดร.ปริญญา ระบุอีกว่า ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้เข้มแข็งมากเกินไป เพราะมีถึง 8 พรรค ทำให้ต้องมีการถ่วงการดุลกันในพรรคร่วมรัฐบาลกันเองด้วย ไม่ใช่พรรคอันดับหนึ่งที่ทำทุกอย่างได้ กติกาตอนนี้ต้องได้เสียงมากกว่ากึ่งหนึ่ง ตัวเลขขณะนี้คือ 375 เพราะมี ส.ส. หายไป 2 คน พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลจะเหลือ 310 เสียง ซึ่งแปลว่าจะขาดอีก 65 เสียง หากถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะได้ 65 เสียงจาก ส.ว. ถ้าหากว่าปล่อยให้โหวตตามปกติไม่มีใครมาควบคุม หรือสั่งห้ามก็อาจจะเป็นไปได้ และ ส.ว. จะต้องเป็นผู้แทนของปวงชนชาวไทยหากไม่ฟังเสียงของประชาชนก็ไม่สามารถเป็นตัวแทนของปวงชนได้

ส่วนกรณีเรื่องคณะกรรมการการเลือกตั้งแถลงข่าว ตรวจสอบคุณสมบัติของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ว่าขัดต่อพระราชบัญญัติประกอบและธรรมนูญการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 151 หรือไม่ ผศ.ดร.ปริญญา ระบุว่า ในเมื่อเรื่องของหุ้นสื่อไอทีวียังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ และทาง กกต. ไม่เคยเปิดเผยหลักฐานหรือข้อมูลที่ชัดเจนเลย มองว่า กกต. ควรดำเนินการให้แล้วเสร็จตั้งแต่ก่อนวันเลือกตั้งนายกฯ ไม่ใช่ทิ้งเอาไว้แบบนี้ เหมือนต้องการให้ต้องมลทินเอาไว้ ให้ส.ว. ใช้เป็นข้ออ้างในการไม่โหวตให้นายพิธา

“อีก 65 เสียงไม่ใช่สิ่งที่มาจากแค่ ส.ว.แต่ต้องมาจาก ส.ส. ด้วยซึ่งผมมองว่า ส.ส. ที่จะโหวตเลือกนายพิธานั้น มันไม่ใช่แค่เรื่องของนายพิธา หรือพรรคก้าวไกล แต่เป็นเรื่องของหลักการในการยอมรับเสียงข้างมาก และมีความชอบธรรมในการเป็นนายกรัฐมนตรี หลังจากได้รับฉันทามติจากพี่น้องประชาชน”

ส่วนการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ผศ.ดร.ปริญญา มองว่า นายพิธาควรได้รับโอกาสในการโหวตเลือกครั้งที่หนึ่ง และครั้งที่สองหากคะแนนเสียงไม่ถึงซึ่งอาจได้คะแนนเสียงเพิ่มเติมจากพรรคที่มาจากรัฐบาลเดิมอาจจะเป็นพรรคภูมิใจไทย หรือพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งแม้ว่าจะยกมือให้ แต่ก็ไม่ใช่การโหวตให้นายพิธา จากพรรคก้าวไกล แต่คือหลักการของประชาธิปไตยในระบบรัฐสภาที่โหวตให้กับพรรคอันดับหนึ่งไม่ว่าจะเป็นพรรคใด

“เชื่อว่าอย่างน้อยจะมีการปล่อยฟรีโหวต ทำให้ตัวเลขไปถึง 375 เสียง ก็มีโอกาสเป็นไปได้ และที่เป็นไปได้อีกคือการเสนอชื่อแข่งขันชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่อาจมาจากพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งโอกาสจะได้เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยนั้นไม่มี เพราะว่าพรรคอื่นที่เหลืออยู่ไม่ยอมรับเรื่องรัฐบาลเสียงข้างน้อย และ ส.ว. ก็ไม่เอา”

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากในกรณีที่นายพิธาไม่ได้รับเลือกเป็นนายกฯ พรรคเพื่อไทยมีความชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาลต่อหรือไม่ และจะมีโอกาสในการปล่อยมือจาก 8 พรรคร่วมรัฐบาล และรวมรวบเสียงใหม่หรือไม่ ผศ.ดร.ปริญญา ระบุว่า มีแน่นอน เพราะรัฐธรรมนูญระบุไว้ว่าหากพรรคอันดับหนึ่งไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ พรรคอันดับสองสามารถทำได้ ในสถานการณ์การเมืองแบบนี้จึงสามารถทำได้ และอาจมีการโหวตนายพิธามากกว่าสองครั้งก็ได้

Related Posts

Send this to a friend