‘เรืองไกร’ ร้อง กกต. ตรวจสอบเพิ่มเติม ‘พิธา’ ขาย/โอน หุ้น ITV

‘เรืองไกร’ ร้อง กกต. ตรวจสอบเพิ่มเติม ‘พิธา’ ขาย/โอน หุ้น ITV ภายหลังสมัคร ส.ส. หรือไม่

วันนี้ (6 มิ.ย. 66) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เดินทางมาที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นหนังสือถึง กกต. เพื่อแสดงหลักฐานบางส่วนจากคำพิพากษาศาลปกครองกลาง ที่อาจทำให้เห็นได้ว่า คำวินิจฉัยชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ ที่ว่า สปน.บอกเลิกสัญญาเข้าร่วมงาน กับ ITV โดยไม่มีสิทธิหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย และศาลปกครองกลาง เห็นว่า คำวินิจฉัยดังกล่าวชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้นจึงขอให้ กกต.ตรวจสอบว่าสัญญาเข้าร่วมงานยังควรถือว่ามีผลอยู่หรือไม่

นายเรืองไกรกล่าวว่าตนเองได้ยื่นคำร้องรวม 6 ครั้ง และครั้งนี้เป็นครั้งที่ 7 จึงขอให้ กกต.ตรวจสอบนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่าเข้าข่ายมีลักษณะต้องห้ามกรณีต่างๆ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98(3) หรือไม่ จากที่ได้มายื่นให้ กกต.เข้าสำนวน ในประเด็นแรกคือกรณีที่ ITV เลิกกิจการแล้วหรือไม่อย่างไร ในปี 50 และมีข้อพิพาทกัน ซึ่งตอนนั้นคำวินิจฉัยชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการบอกว่า การบอกเลิกสัญญาเข้าร่วมงานกับ ITV ของสํานักงานปลัดสํานักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ชอบด้วยกฎหมาย ต่อมา ITV ได้ฟ้องกลับจนอนุญาโตตุลาการวินิจฉัยว่าการถูกเลิกสัญญาร่วมงานไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงอยากให้ กกต. ตรวจสอบว่าสัญญาร่วมงานยังถือว่ามีผลอยู่หรือไม่

นายเรืองไกร ระบุต่ออีกด้วยว่าอีกประเด็นที่จะยื่นคำร้องเพิ่มเติมในวันนี้คือกรณีที่มีข่าวว่านายพิธา ขายหุ้นไอทีวีไปแล้ว แต่ไม่ตอบคำถามสื่อมวลชน ซึ่งมั่นใจว่าในวันรับสมัครเลือกตั้ง นายพิธายังคงถือหุ้นสื่ออยู่ จึงอยากให้ กกต.สอบถามไปยังบริษัท ITV ว่านายพิธา ยังถือหุ้น ITV หรือไม่ หรือมีการโอนหุ้นด้วยวิธีใด พร้อมเรียกร้องให้นายพิธา ตอบคำถามสื่อมวลชนเกี่ยวกับข้อเท็จจริงเรื่องนี้ และขอให้แสดงหลักฐานโดยไม่ต้องรอให้ กกต.รับรองคำร้อง หรือรอให้ กกต.เรียกมาสอบถาม หากเรื่องนี้ถึงศาลรัฐธรรมนูญแล้วตัดสินว่านายพิธา ถือหุ้นสื่อจริง จะถูกตัดสิทธิ์การเป็น ส.ส. และถูกตัดสิทธิ์บัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรี