POLITICS

นายกฯ ยันไม่เคยคิดปลดผู้ว่าฯ ธปท. ย้ำ ไม่เคยมีแนวคิดแก้ พ.ร.บ. ธนาคารแห่งประเทศไทย

นายกฯ ยันเสียงแข็ง ไม่เคยคิดปลดผู้ว่าฯ ธปท. ยังไงท่านก็ยังอยู่ตรงนี้ รับ เห็นต่างเรื่องลดดอกเบี้ย มองเป็นเรื่องธรรมดา โนคอมเมนต์ #saveผู้ว่าแบงก์ชาติ ย้ำชัด ไม่เคยมีแนวคิดแก้ พ.ร.บ. ธนาคารแห่งประเทศไทย ลดอำนาจผู้ว่าฯ ธปท.

วันนี้ (6 พ.ค. 67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนระหว่างการลงพื้นที่โรงพยาบาลโพนทอง สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด ถึงความขัดแย้งระหว่างรัฐบาล กับการทำงานคนละทางของผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นอุปสรรคต่อการทำดิจิทัล วอลเล็ตหรือไม่ ว่า ปัญหาเรื่องการทำงานคนละทาง ไม่เคยบอกว่าเป็นอุปสรรค หากมีข้อสงสัยหน้าที่ของตนเองคือต้องอธิบาย ตรงนี้ไม่เป็นปัญหา ส่วนเรื่องที่บอกว่าเรามีปัญหากับ ธนาคารแห่งประเทศไทยนั้น ก็เห็นต่างกัน มีการชี้แจงไปอย่างชัดเจนแล้ว

ส่วนการเห็นต่างในเรื่องข้อกฎหมายที่อาจเป็นอุปสรรค มีแนวคิดที่จะแก้ไขกฎหมายหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนเองไม่ได้มีแนวคิดตรงนี้ เป็นหน้าที่ของกระทรวงการคลังที่จะดูแล ตนเองไม่เคยพูด

ส่วนที่มีกระแสข่าวถึงขั้นว่ารัฐบาลพยายามแก้ พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อลดอำนาจของผู้ว่าฯ ธปท. ที่มากเกินไปหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็น ธปท. รัฐบาล สภา เรามาอยู่ด้วยกัน มาดูแลพี่น้องประชาชน เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่สุด ส่วนเรื่องการแก้ไขกฎหมาย ต้องเป็นเรื่องที่ส่งมาจากกระทรวงการคลัง ซึ่งจนถึงทุกวันนี้ ยังไม่เห็นเรื่องนี้

ส่วนข้อทักท้วงของผู้ว่า ธปท. กับโครงการดิจิทัล วอลเล็ต จะเป็นตัวฉุดรั้งให้เป็นอุปสรรคหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่มี มั่นใจ และได้อ่านข้อมูลเรียบร้อย

ส่วนจะต้องมีการพูดคุยอะไรกันอีกหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า หากเขามีคำถามมาก็เป็นหน้าที่เรา ที่ต้องตอบ ทุกอย่างตอนนี้โครงการเริ่มเดินแล้ว และจะนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้ชี้แจง เรื่องให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบ

ผู้สื่อข่าวถามย้ำถึงแนวคิดเรื่อง พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ตนเองไม่เคยพูดเรื่องนี้เลย แต่ในอนาคตไม่ทราบว่านายพิชัย ชุณหวิชร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะมีการดูตรงนี้หรือไม่

สำหรับกระแสข่าว และภาพที่ออกมา จะทำให้ประชาชนเกิดความสับสนเรื่องดิจิทัล วอลเล็ต ที่รัฐบาลยืนยันว่าจะได้ในไตรมาส 4 ยังมีโอกาสที่จะได้พูดคุยกับผู้ว่าฯ ธปท. ส่วนตัวอีกหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เมื่อวานนี้พูดชัดเจนไปแล้ว และเรื่องเงินดิจิทัล วอลเล็ต ตนเองก็เพิ่งได้ยินว่ามันมีปัญหา มันไม่มีปัญหาอะไรเลย มีการแถลงข่าวไปแล้ว พวกท่านเองก็พยายามบอกมีปัญหา ซึ่งไม่มีปัญหาเลย เราได้คุยกันเรื่องเงินไปแล้ว วันนี้ทุกฝ่ายต่างคนต่างมีหน้าที่ ตรงไหนที่ต้องตรวจเช็คกับกฤษฎีกาก็ต้องทำงานกันไป

ส่วนภาพความขัดแย้งตอนนี้ค่อนข้างชัดเจน แต่ตัวนายกรัฐมนตรี กับผู้ว่า ธปท. ไม่รู้ว่ามีความขัดแย้งจริงหรือไม่นั้น นายเศรษฐา กล่าวว่า อย่าดูที่ภาพดีกว่า ดูที่เนื้องานดีกว่า อย่างที่บอกเรื่องดอกเบี้ย ชัดเจน ไม่เคยปฏิเสธว่าดอกเบี้ยสูงควรจะลด ท่านผู้ว่าฯ ธปท. ก็บอกว่าดอกเบี้ยไม่สูง ไม่ควรจะลด ก็ชัดเจน ตนเองก็ไปหาวิธีอื่นที่จะบรรเทาทุกข์ของประชาชน ได้เชิญตัวแทน 4 ธนาคาร มาพูดคุย ก็ไม่เคยไปมีประเด็นอะไรกับท่าน และเป็นที่ประจักษ์อยู่แล้ว ว่าธนาคารก็ลดดอกเบี้ย ก็ขอขอบคุณ และก็เดินหน้าต่อไป บรรเทาทุกข์ของพี่น้องประชาชน และก็ไม่ได้มีการไปต่อว่าท่าน ผู้ว่าฯ

ส่วนมีข้อเสนอให้แก้ไขกฎหมายพ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย แม้นายกรัฐมนตรีจะบอกว่าไม่เคยพูด แต่มีข่าวนำเสนอออกมา จะยิ่งเป็นภาพว่าพรรคเพื่อไทยกดดัน นายกรัฐมนตรี ตอบทันทีว่า ท่านก็ต้องไปถามต้นตอของข่าว

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า แต่ภาพที่ออกมาดูเหมือนว่าทางรัฐบาล หรือพรรคเพื่อไทย กดดันให้ผู้ว่าฯ ธปท. ลาออก นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนเองไม่เคยพูดว่าให้ผู้ว่าฯ ลาออก เรื่องปลดผู้ว่าฯ ด้วยความเคารพ ถ้าผู้ว่าฯ ฟังอยู่ ตนเองไม่เคยกดดันนะครับ ไม่เคยพูดด้วย อาจจะมีการพูดคุย แต่พูดถึงเรื่องเนื้องานเป็นหลัก ว่าเรื่องของดอกเบี้ยมันสูง จริง ๆ ตนเองพูดแค่นี้ ตลอดระยะเวลาที่เข้ามาเป็นผู้นำรัฐบาล พูดแค่นี้มาโดยตลอด

ส่วนการที่องคาพยพให้สัมภาษณ์ลักษณะติงกันทางอากาศ นักการเมืองมาแล้วก็ไป ขณะที่ผู้ว่าฯ ธปท. เองก็ต้องรักษาสถานะภาพไว้ให้แข็งแกร่ง นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ตนเองคงไม่ไปคอนเมนต์เกี่ยวกับเรื่องว่าใครพูดอะไร ไม่ว่าจะเป็นองค์กรอิสระ ธปท. สภา เรามาทำงานเพื่อประชาชน จิตใจยึดโยงกับพี่น้องประชาชนมาทำงานเพื่อประชาชนและกฎหมาย

เมื่อถามว่าจะลดอุณหภูมิตรงนี้อย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อุณหภูมิจะถูกลดลง ก็ต่อเมื่อปัญหาของพี่น้องประชาชนถูกแก้

ส่วนจะต้องเรียกผู้ว่าฯ มาพบตัวต่อตัว เพื่อลดปัญหาต่างคนต่างพูดหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ได้ต่างคนต่างพูดอะไรเลย ตนเองยึดโยงกับประชาชนอย่างเดียว ท่านผู้ว่าฯ ธปท. พูดเองว่าถ้ามีอะไรก็สื่อสาร ก็เป็นไปตามหลักเกณฑ์ และติดตามผ่าน สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ก็ได้มีการสั่งการไปแล้ว

ส่วนช่วงแรกที่มีภาพการคุยกันของนายกรัฐมนตรีกับผู้ว่าฯ ธปท. นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็ท่านผู้ว่าฯ บอกเองไม่อยากให้สื่อสารโดยตรง ให้ผ่านกระทรวงการคลัง ตนเองก็ทำตามที่ท่านบอกมา ไม่ได้เชิญสื่อมวลชนมา แล้วกล่าวโทษผู้ว่าฯ ส่วนที่สื่อถามว่าดอกเบี้ยสูงหรือไม่ ก็บอกว่าดอกเบี้ยสูงก็เท่านั้น ตนเองไม่ได้เป็นคู่กรณีกับผู้ว่าฯ คู่กรณีของตนเองคือความยากจนของประชาชน เพราะความยากจนเกิดจากดอกเบี้ยสูง ก็บอกแค่นี้ ถ้าจะเปลี่ยนใจ ยังไงก็เปลี่ยนไม่ได้ แต่ก็เชื่อว่าฝ่ายการเมือง รัฐมนตรี ฝ่ายองค์กรอิสระ และ ธปท. เอง ก็เชื่อว่ามีความปรารถนาดีกับประชาชน แต่เรามองเห็นปัญหาคนละแบบ ต่างคนก็ต่างมีหน้าที่

ส่วนนโยบายการเงินการคลัง ดูเหมือนไม่ไปในทางเดียวกัน จะบริหารงานยากหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า มีความยากลำบาก

ส่วนจะทำอย่างไร ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยกับรัฐบาล มาเจอกันให้ได้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีหลายองค์ประกอบ หนี้สาธารณะเป็นเปอร์เซ็นต์ของจีดีพี เราสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ หากจีดีพีโต เราก็กู้ได้อีก เปอร์เซ็นต์หนี้สาธารณะก็ไม่สูงขึ้น เราก็มีกรอบชัดเจน ถ้าไม่เกิน 10% ของจีดีพี เป็นข้อตกลงร่วมกันไม่ได้มีข้อขัดแย้งอะไร ตนมีหน้าที่เอานโยบายการคลังมาดูแลประชาชนด้วยการกระตุ้นเศรษฐกิจ

ส่วนจะส่งเสียงดัง ๆ ถึงผู้ว่าฯ ธปท. หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ ไม่มีอะไรต้องพูด ตนสื่อสารชัดเจน เรื่องที่เราไม่เห็นด้วยก็คือไม่เห็นด้วย อย่าว่าแต่ผู้ว่าฯ ธปท. คนในพรรคเราเองเป็นผู้ใหญ่ด้วยกันทุกคน นโยบายต่าง ๆ ก็มีทั้งเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย ก็พูดคุยกันไป อย่าให้มีวาทกรรมว่าจะปลด มันไม่ใช่ ไม่ได้อยู่ในความคิดของตนเองแม้แต่นิดเดียว เราอยู่ด้วยกันเป็นผู้ใหญ่ มีความประสงค์ดีต่อประชาชน เพราะฉะนั้นการเห็นต่างเป็นเรื่องธรรมดาปกติ แต่หันมาพูดคุยก็สื่อสารกันได้ เชื่อว่าทุกท่านมาทำงานเพื่อประชาชน อย่าไปเอาเป็นเรื่องส่วนตัวเข้ามาดีกว่า เรื่องความขัดแย้งเป็นเรื่องที่เราไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่พอมีเห็นต่าง เราก็พยายามที่จะบริหารความเห็นต่างตรงนี้ บนบรรทัดฐานที่เราต้องแก้ไขปัญหาของประชาชน

นายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า ตนเองไม่มีคอมเมนต์ ที่ในโซเชียลมีเดียติดแฮชแท็กเซฟผู้ว่าฯ ธปท. ไม่มีความรู้สึกว่าท่านต้องถูกเซฟ เพราะท่านก็มาถูกต้อง และทำหน้าที่ของท่าน หลายอย่างที่ท่านทำ ผมเห็นด้วยก็มี และก็เชื่อว่าหลายอย่างที่ทำก็เรื่องที่ท่านเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย แต่เราก็เป็นผู้ใหญ่ด้วยกัน อย่างน้อยตนเองคิดว่าฝ่ายตนเองทำเพื่อประชาชน ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะมาขัดแย้งอะไรเลย ท่านไม่ต้องการการเซฟ ยังไงท่านก็อยู่ตรงนี้ ไม่ได้มีใครจะไปกดท่าน รัฐมนตรีคนใหม่ก็ไม่ได้พูด เพียงแต่ท่านแปลเรื่องที่เรามีความเห็นไม่ตรงกันบางเรื่อง พยายามยกระดับขึ้นไปให้มีความขัดแย้งสูงขึ้น ยืนยัน ณ ที่นี้ว่า ไม่ว่าจะในที่สาธารณะหรือที่ส่วนตัว ตนเองพูดแค่เรื่องดอกเบี้ยอย่างเดียว ไม่ได้พูดเรื่องกำกับดูแลธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่องดี ๆ ที่ถูกต้องก็ไม่ต้องมาชมกันหรอก ท่านก็ทำไป

Related Posts

Send this to a friend