POLITICS

‘พิธา’ ยินดีจับมือ ‘เพื่อไทย’ แต่ไม่เอา ‘พปชร.’

‘พิธา’ ยินดีจับมือ ‘เพื่อไทย’ แต่ไม่เอา ‘พปชร.’ มองนายกฯ เมินปรับ ครม. ซ้ำศึก ภท.-ปชป. ส่อโอกาสยุบสภา ไม่หวั่น ส.ส. ทยอยลาออก เผยมีคนรอสมัครแทนแล้ว ย้ำดันแก้ ม.112 “เดินหน้าต่อแม้จะโดดเดี่ยว”

วันนี้ (5 พ.ย. 65) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กรณีที่มี ส.ส. กทม. ของพรรคลาออก โดยยืนยันว่า ไม่กระทบฐานเสียง เพราะมีว่าที่ผู้สมัครคนใหม่เข้ามาแทนแล้ว ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นกับทุกพรรค เพราะเป็นเรื่องระเบิดเวลาของรัฐธรรมนูญที่ทำให้เป็นปัญหา แต่ไม่ใช่ข้ออ้าง พรรคก้าวไกลจึงก็ต้องขอโทษที่ทำให้ผิดหวัง ซึ่งที่ผ่านมาทางพรรคก็มีการคัดกรองผู้สมัครอย่างเข้มข้นทั้งจากทางพรรคและจากการตรวจสอบของประชาชนในพื้นที่ ต้องหาคนที่มีอุดมการณ์หนักแน่น ขณะเดียวกันก็ต้องมีประสิทธิภาพต่อการเปลี่ยนแปลงในพื้นที่ที่จับต้องได้

ส่วนการรักษาฐานเสียงในพื้นที่ กทม. นายพิธา ยอมรับว่า ต้องหาว่าที่ผู้สมัครเลือดใหม่ที่เข้มข้นกว่า ลงพื้นที่ต่อเนื่อง ที่สำคัญประชาชนต้องชอบและเชื่อมั่น

นายพิธา ยังยอมรับว่าร้อยร้าวในพรรคร่วมรัฐบาลโดยเฉพาะจากพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์ จากกฎหมายกัญชา กัญชง เป็นหนึ่งในสัญญาณการยุบสภา รวมถึงการปรับ ครม. แทนตำแหน่งที่ว่างอยู่ แม้บางพรรคจะส่งรายชื่อไปแล้วแต่ก็ยังไม่มีสัญญาณตอบรับจากนายกรัฐมนตรี เป็นเหมือนยาหมดอายุ แต่อย่างไรก็ตามช่วงนี้จะมีการจัดประชุมเอเปค รวมถึงบอลโลกช่วงเดือนธันวาคม ก็อาจทำให้อุณหภูมิทางการเมืองลดลง

เมื่อถามว่าหลังเลือกตั้ง สมการทางการเมืองอาจเปลี่ยนแปลงไป หากเพื่อไทยจับมือกับพรรคพลังประชารัฐ พรรคก้าวไกลจะร่วมด้วยหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ไม่ขอวิจารณ์พรรคเพื่อไทย แต่ในส่วนของพรรคก้าวไกลยึดประชาชนเป็นที่ตั้ง เพราะต้องการผลักดันนโยบายที่เป็นของพรรค ตอนนี้ยังไม่การหารือในคณะกรรมบริหารถึงเงื่อนไขการจับมือร่วมรัฐบาลต้องรอใบสั่งจากประชาชน หลังเลือกตั้ง

แต่อย่างไรก็ตาม ในส่วนของพรรคก้าวไกล การร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐนั้น เป็นไปไม่ได้แน่นอน เพราะมีความต่างทางอุดมการณ์ชัดเจน อีกทั้งเป็นพรรคที่สืบทอดอำนาจมาจากเผด็จการ ส่วนพรรคการเมืองอื่นๆ นั้น ต้องเอาเงื่อนไขเป็นตัวตั้ง ไม่มีการเจรจาใต้โต๊ะ หรือทำงานลับหลังประชาชน ส่วนพรรคการเมืองกลางๆ ที่เป็นพรรคสีเทาอยู่ระหว่างดำกับขาว ต้องดูกันอีกครั้งต้องดูตามหลักความจริงของการเมือง

เมื่อถามย้ำว่าหากพรรคเพื่อไทยกับพรรคพลังประชารัฐจริง พรรคก้าวไกลจะร่วมรัฐบาลได้หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า เป็นเพียงสมมติฐาน และยังไม่เห็นความชัดเจนจากเพื่อไทย หากตอบไปก่อนก็เป็นการข้ามขั้นในสิ่งที่ยังไม่เกิด แต่ก้าวไกลยินดีร่วมกับพรรคเพื่อไทย แต่ไม่ยินดีร่วมกับพลังประชารัฐ ส่วนเพื่อไทยกับพลังประชารัฐจะจับมือจริงหรือไม่ ย้ำว่ายังเป็นเพียงสมมติฐานที่ไกลไป

และเมื่อถามว่าหาก พลเอก ประยุทธ์ แยกทางกับ พลเอก ประวิตร จะมีความเป็นไปด้วยที่ก้าวไกลจะร่วมงานพลังประชารัฐได้หรือไม่ นายพิธา ย้ำว่าทำงานร่วมไม่ได้แน่นอน เพราะเป็นนายกคนละครึ่ง ที่อยู่ได้ 2 ก็หมดอายุ ไม่มีประสิทธิภาพแน่นอน และรักษาอำนาจไม่ได้แน่นอน

ส่วนกรณีที่พรรคก้าวไกลถูกพรรคไทยภักดี ร้องยุบพรรคจากการเดินหน้าแก้ไขมาตรา 112 นายพิธากล่าวว่า ไม่สามารถทิ้งประชาชนที่ถูกจับได้ และเรื่องนี้ต้องผลักดันต่อในสภา เรื่องนี้พรรคทำมาตั้งแต่ปี 2564 ไม่ได้เป็นสิ่งที่ทำเพื่อหาเสียง แต่เป็นหน้าที่และความรับผิดชอบในฐานะ ส.ส. เพื่อปกป้องสิทธิเสรีภาพ และทำให้สถาบันฯ เข้าสู่ศตวรรษที่ 21 ได้ ซึ่งมองว่าเรื่องนี้ไม่ควรนำมาเป็นเส้นแบ่งทางการเมือง ควรแข่งขันกันเรื่องนโยบาย

นายพิธา ย้ำว่า ไม่กังวลว่าเรื่องนี้จะนำไปสู่การยุบพรรค เพราะเชื่อว่าเรื่องนี้ไม่มีน้ำหนักพอ แต่พรรคก็ไม่ได้ไร้เดียงสา จึงไม่ประมาทมีทีมกฎหมายในการทำงานอยู่แล้ว และแม้ว่าพรรคก้าวไกลจะผลักดันเรื่องนี้เพียงพรรคเดียว ก็จะเดินหน้าต่อแม้จะโดดเดี่ยว

Related Posts

Send this to a friend