POLITICS

นายกฯ มอบนโยบาย ปปง. ชี้ ต้องรวดเร็ว กระชับ ยึดหลักนิติธรรม

ประธาน ปปง. เผย เป็นนายกฯ คนแรกที่มากำกับดูแลเอง มอง เป็นการสร้างกำลังใจให้เจ้าหน้าที่

วันนี้ (5 ต.ค. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายแก่ผู้บริหารสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) โดยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า สำนักงาน ปปง. ขึ้นตรงกับสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งสำนักงาน ปปง.เป็นหน่วยงานสำคัญเชื่อมโยงกับความมั่นคง ปัจจุบันธุรกิจสีเทา ธุรกรรมทางการเงิน เป็นองค์ประกอบที่ทำให้ธุรกิจสีเทาขยายอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นยาเสพติด พนันออนไลน์ ทาง ปปง. จะต้องยึดทรัพย์ เพื่อทำลายต้นตอของปัญหา จึงได้มามอบนโยบายให้ทำงานอย่างรวดเร็ว กระชับ ยึดหลักนิติธรรม รวมถึงหลักสิทธิมนุษยชนเป็นสิ่งสำคัญ ต้องให้โอกาสกับผู้ที่กระทำผิด แต่การใช้กฎหมายเจ้าหน้าที่ต้องชัดเจน โปร่งใส สาธารณชนต้องรับรู้ได้ เช่น การเปิดข้อมูลยึดทรัพย์ว่ายึดมาแล้วเท่าไหร่ ส่งคืนรัฐบาลแล้วเท่าไหร่ มั่นใจ ว่า ปปง.จะดำเนินงานตามนโยบายได้ ซี่งจะต้องทำงานกระชับขึ้น

ส่วนการวางกรอบระยะเวลาในการทำงาน นายกรัฐมนตรี ระบุว่า มี เพราะต้องมี KPI มีไทม์ไลน์ที่ชัดเจน ซึ่งคดีใหญ่ ๆ จะต้องมีการวางกรอบระยะเวลาไว้ชัดเจน

ส่วนกระแสที่ว่า ปปง. เกี่ยวข้องทุนสีเทา จะมีนโยบายอย่างไรเพื่อเรียกความเชื่อมั่นกลับมา นายเศรษฐา ระบุว่า ต้องให้เกียรติเจ้าหน้าที่ วันนี้ที่มามอบนโนบาย เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทำงานอย่างสุจริต รอบคอบ รวดเร็ว ประชาชนตรวจสอบได้ และเชื่อว่าข้อครหาของสังคมจะน้อยลง

ด้านนายฉัตรชัย กล่าวว่า สำนักงาน ปปง. ตั้งมาแล้ว 24 ปี ตั้งแต่ปี 2542 ซึ่งนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกที่แสดงความชัดเจนว่าจะกำกับ ปปง. ด้วยตนเอง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องประชาชน และความโปร่งใสในการทำงาน การที่ลงมากำกับดูแลเอง ก็เป็นเงื่อนไขสำคัญในการแสดงต่อนานาชาติ ในการประสานงานกับหน่วยงานต่างประเทศ

นายฉัตรชัย กล่าวต่อว่า โครงสร้างของ ปปง. มีเรื่อง คน เงิน และงาน โดยมีจำนวนคน 852 คน ทำงานรวบรวมข้อเท็จจริงแบบระบบเครือข่าย และการสร้างภาคประชาชนให้ครอบคลุมทั่วประเทศซึ่งจะนำเสนอในเชิงนโยบายให้นายกรัฐมนตรีทราบอีกครั้ง

ส่วนเรื่องเงิน นายฉัตรชัย ระบุว่า เรางบประมาณ 432 ล้าน ซึ่ง 97% เป็นงบประจำที่เป็นค่าจ้าง งบลงทุนมี 2-3% เท่านั้น ส่วนงานภาพรวมทั้งหมดงาน เรามีการยึดอายัด 8 หมื่น 2 พันล้านบาท และอยู่ในระหว่างการดำเนินการ 6 พันล้านบาท ในการสั่งการตามนโยบายที่นายกฯ ให้ไว้ โดยจะเปิดเผยอย่างโปร่งใส รวมถึงต้องการสร้างความมั่นใจต่อประชาชน

Related Posts

Send this to a friend