POLITICS

กมธ.ป.ป.ช.จ่อเชิญผู้จัดการมรดก ‘ปัฐวาท’ ให้ข้อมูลเพิ่มปมนาฬิกาเพื่อน

กมธ.ป.ป.ช. สภาฯ ยันไม่ปล่อยปมนาฬิกาเพื่อน จ่อเชิญ ‘ปรีดิยาธร’ ผู้จัดการมรดก ‘ปัฐวาท’ ให้ข้อมูลเพิ่ม จี้ กก.ป.ป.ช. รื้อคดี หลังได้หลักฐานใหม่

วันนี้ (5 ก.ย. 65) นายธีรัจชัย พันธุมาศ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ การป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร (กมธ.ป.ป.ช.) แถลงกรณีนาฬิกาเพื่อนว่า ตนได้อภิปราย พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ไว้เมื่อตอนการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งที่ผ่านมา และเป็นการอภิปรายที่ถูกประท้วงมากที่สุดถึง 24 ครั้ง ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าการไปแตะต้องพล.อ.ประวิตรนั้นไม่ง่าย เพราะพล.อ.ประวิตรนั้นเป็นรัฐมนตรีที่ทรงอำนาจและมีบารมีมากที่สุดในรัฐบาลชุดนี้ มีบารมีมากกว่าตำแหน่งที่ดำรงอยู่ จนทุกหน่วยงานในประเทศ ไม่ว่ากระทรวง หรือองค์กรอิสระ ไม่กล้าขัดใจพล.อ.ประวิตรได้

นายธีรัจชัย กล่าวว่า ก่อนหน้านั้นในการแสดงบัญชีทรัพย์สินของพล.อ.ประวิตร ทั้งปี51 ปี54 ปี55 และปี 57 ไม่เคยแสดงบัญชีทรัพย์สินว่ามีนาฬิกาหรูเป็นของตนเอง ดังนั้นสื่อมวลชนจึงสืบหา และพบว่าพล.อ.ประวิตร มีนาฬิกาหรูอีก 20 กว่าเรือนที่ได้ใส่ไปในงานต่างๆ โดยเฉพาะช่วงปี60 มีมากเป็นพิเศษ จึงมีการตั้งคำถามว่านาฬิกาหรูมาจากไหน

ต่อมาคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ตั้งกรรมการสอบ และมีการแก้ข้อกล่าวหาว่าเป็นนาฬิกาของเพื่อน ชื่อนายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ โดยยืมมาใส่ แต่สิ่งที่สำคัญคือไม่เคยเห็นภาพนายปัฐวาท ใส่นาฬิกาหรูสักเรือนเดียวใน 20 เรือนที่ปรากฎเป็นข่าว ซึ่งผลสอบของป.ป.ช. เชื่อว่าเป็นนาฬิกายืมเพื่อนมา จึงมีมติ 5 ต่อ 3 ให้ยุติเรื่องนี้ ทำให้เป็นสิ่งที่คาใจของประชาชน เพราะปี 57 คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และวุฒิสภา เพื่อตั้งองค์กรอิสระที่มีสายมาจากคสช. เชื่อมโยงอำนาจรัฐประหารมีการแทรกแซงโดยใช้มาตรา 44 แต่งตั้งกรรมการ ป.ป.ช. และประธานป.ป.ช. ก็เป็นอดีตเลขาธิการของพล.อ.ประวิตร

“จากการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวจำต้องทำให้สิ้นกระแสความก่อนยุติเรื่องหรือไม่ และต้องส่งเรื่องให้กรมศุลกากรแต่ก็ไม่มีการสอบรายละเอียด จึงได้ถามว่าทำไมจึงต้องยุติเรื่องนี้ และการตรวจสอบบัญชีทรัพย์มรดกก็ไม่มีการดำเนินการตรวจสอบตามพ.ร.บ.ความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา ให้อัยการสูงสุดส่งเรื่องไปบริษัทแม่ว่านาฬิกาเหล่านั้นเป็นของใคร แต่ป.ป.ช.กลับส่งเรื่องไปอย่างผิดธรรมเนียม จึงทำให้ไม่ได้มีเรื่องส่งกลับมา” นายธีรัจชัย กล่าว

นายธีรัจชัย กล่าวต่อว่า ต่อมา กมธ.ป.ป.ช. ตรวจสอบแล้วพบว่า ศาลมีคำสั่งแต่งตั้งให้หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล ในฐานะทายาท เป็นผู้จัดการมรดก เมื่อ กมธ.ได้เอกสารมาไม่ปรากฎว่ามีนาฬิกาหรูอยู่สักเรือนเดียว แสดงว่าสิ่งที่ได้ตั้งข้อสันนิษฐานตอนอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้นเป็นจริง และ ป.ป.ช.ไม่ได้ตรวจสอบเรื่องนี้ แต่รีบสรุปเรื่องจนมีมติ 5 ต่อ 3 ยุติเรื่องดังกล่าว ดังนั้นตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต มาตรา 54 บัญญัติว่าให้ กรรมการ ป.ป.ช.รับหรือยกเรื่อง กรณีที่ป.ป.ช.วินิจฉัยเด็ดขาดแล้ว เว้นแต่มีพยายานหลักฐานใหม่ ที่มีสาระสำคัญของคดีทำให้คำวินิจฉัยเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งตนเชื่อว่ากรรมการ ป.ป.ช.ทั้ง 3 เสียงอยากให้ตรวจสอบเรื่องนี้ให้สิ้นกระแสความ จึงขอให้ 1 ใน 3 เสียงเสนอเพื่อนำเรื่องนี้กลับมาพิจารณาใหม่อีกครั้ง เพราะมีหลักฐานใหม่และ 3 คนนี้ก็จะเป็นตัวอย่างที่ดี รวมทั้งขอให้กรรมการป.ป.ช.อีก 5 คนช่วยตรวจสอบด้วย และขอความร่วมมือให้สำนักงานอัยการสูงสุดทำเรื่องไปบริษัทแม่ว่า นาฬิกาหรูดังกล่าวเป็นของใครกันแน่ รวมทั้งขอให้ประชาชนช่วยกันตรวจสอบซีเรียลนัมเบอร์ที่มีการเปิดเผย เพื่อดำเนินการคู่ขนานกันไป และในวันที่ 7 ก.ย. กมธ.ป.ป.ช.จะเชิญหม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธรมาให้ข้อมูลในฐานะผู้จัดการมรดก

Related Posts

Send this to a friend