ผบ.เรือนจำกลางบางขวาง ยันมีมาตรการป้องกัน ‘แป้ง นาโหนด’ หลบหนีซ้ำ

ผู้บัญชาการเรือนจำกลางบางขวาง ยันมีมาตรการป้องกัน ‘แป้ง นาโหนด’ หลบหนีซ้ำ และเฝ้าระวังการฆ่าตัดตอน เตรียมดำเนินกานตามบทลงโทษหลบหนีเรือนจำ ‘งดเยี่ยม-ขังเดี่ยว’
วันนี้ (5 มิ.ย. 67) นายยุทธนา นาคเรืองศรี ผู้บัญชาการเรือนจำกลางบางขวาง เปิดเผยภายหลังการรับตัว นายเชาวลิต ทองด้วง หรือ แป้ง นาโหนด ที่เรือนจำกลางบางขวาง อ.เมือง จ.นนทบุรี เบื้องต้นพบว่า สุขภาพแข็งแรงดี มีความกังวลใจอยู่บ้าง คาดว่ามาจากการเดินทางและการหลบหนีไปอยู่ที่อินโดนีเซียเป็นเวลานาน ซึ่งตามขั้นตอนต้องมีการแยกขังตามมาตรการป้องกันโรค เป็นเวลา 10 วัน หลังจากนั้นจะพิจารณาว่าจะดำเนินการคุมขังจากความผิดฐานหลบหนีเรือนจำอย่างไร ทั้งกรณีงดเยี่ยม และขังเดี่ยว ซึ่งต้องรอผลการสอบสวนของคณะกรรมการเรือนจำนครศรีธรรมรราช
ผู้บัญาการเรือนจำกลางบางขวาง กล่าวว่าทางเรือนจำจะต้องพิจารณาเรื่องพฤติกรรของผู้ต้องหาด้วยว่า มีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง หรืออาจจะทำร้ายผู้คุมขังอื่น หรือไม่ และอาจจะทำร้ายตัวเองหรือไม่ จึงต้องมีมาตรการเฝ้าระวังทั้ง 2 แบบ ส่วนการต่อสู้หรือดำเนินคดี ต้องรอทางส่วนกลางตรวจสอบว่ามีความผิด และจะให้ลงโทษเรื่องอะไร เพราะป็นผู้ต้องขังระหว่างการพิจารณาคดี แล้วจึงจะบังคับโทษตามเรือนจำนครศรีธรรมราช จากความผิดหลบหนีการคุมขัง ทั้งนี้ก็ยังมีโอกาสในการอุทธรณ์คดี ในสถานะที่เป็นผู้ต้องขังระหว่างการพิจารณาคดี จึงมีโอกาสในการต่อสู้คดีและติดต่อทนายความ ยังเป็นสิทธิ์ของผู้ต้องขังด้วย
ผู้บัญชาการเรือนจำกลางบบางขวาง กล่าวว่า มาตรการสำคัญต้องป้องกันไม่ให้หลบหนี การคุมขังต้องไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต หรือทำให้สังคมสงสัยว่ามีกระบวนการที่ไม่ชอบ การประสานงานในหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายอะไรก็ตาม ก็ต้องป้องกัน ซึ่งในช่วงต้นคงต้องงดเยี่ยม และต้องเป็นไปตามรายชื่อที่ผู้ต้องขังอนุญาต ส่วนการพิจารณาคดีจะขอให้พิจารณาผ่านระบบ CCTV เพื่อลดการเคลื่อนย้ายทำให้ผู้ต้องขังปลอดภัย ซึ่งทางเรือนจำก็ได้เตรียมเทคโนโลยีเพื่อป้องกันการถูกลอบทำร้าย และการฆ่าตัดตอน
สำหรับเรือนจำกลางบางขวาง เป็นหนึ่งในเรือนจำความมั่นคงสูงของกรมราชทัณฑ์ ที่ใช้คุมขังนักโทษคดีอุกฉกรรจ์ อัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 15 ปี ขึ้นไป จนถึงประหารชีวิต ตั้งอยู่ที่ อ.เมือง จ.นนทบุรี ในเนื้อที่ 136 ไร่ ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ.2476 ในสมัยรัชกาลที่ 5 เพราะมีพระราชประสงค์ให้ย้ายเรือนจำกองมหันตโทษ ออกจากเขตพระนคร มีชื่อเดิมว่า เรือนจำกองมหันตโทษ ซึ่งหลังจากเปลี่ยนโทษการประหารชีวิตจากการตัดคอเป็นการยิงเป้า พ.ศ.2478 และเปลี่ยนมาใช้การฉีดยาพิษเข้าสู่ร่างกาย เมื่อปี พ.ศ.2546 เรือนจำกลางบางขวาง ถูกใช้เป็นสถานที่ประหารชีวิตมาโดยตลอด มีนักโทษเด็กขาดถูกประหารชีวิตไปแล้ว 326 ราย เป็นนักโทษชาย 323 ราย นักโทษหญิง 3 ราย