POLITICS

‘โรม‘ ยืนยันระงับการส่ง ‘ยางพารา‘ ผ่านแดนทุกด่าน จนกว่า พณ.-กต. จะมีคำตอบ

‘โรม‘ ขอรัฐบาลให้ความสำคัญปัญหาชายแดน ก่อนโอกาสจะกลายเป็นวิกฤต ยืนยันระงับการส่ง ‘ยางพารา‘ ผ่านแดนทุกด่าน จนกว่า ‘พณ.-กต.‘ จะมีคำตอบ โยนผู้ประกอบการส่งทางเรือถึงมาเลย์เอง

วันนี้ (5 มี.ค. 67) ที่ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอสังขละบุรี จ.กาญจนบุรี คณะกรรมาธิการความมั่นคง กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ นำโดย นายรังสิมันต์ โรม ประธาน กมธ. ประชุมร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำโดย รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี นายอำเภอสังขละบุรี ผบ.ฉก.ลาดหญ้า นายด่านศุลกากร ตัวแทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมถึงภาคเอกชนส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมด้วย

นายรังสิมันต์ กล่าวถึงข้อสรุปในการประชุมวันนี้ว่าเป็นผลสืบเนื่องจากการลงพื้นที่พร้อม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เมื่อวานนี้ พบว่าเรื่องการผ่านแดนของยางพาราจากฝั่งประเทศเมียนมาที่ด่านเจดีย์สามองค์ ไปยังประเทศมาเลเซีย มีปัญหาจริง โดยจะใช้แนวทางให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการต่างประเทศ ไปเจราจากับประเทศเมียนมาว่าจะมีการผ่านแดนยางพาราหรือไม่ จะมีข้อตกลง กฎเกณฑ์อย่างไรที่ชัดเจนและให้ขอบด้วยกฎหมาย จึงได้ข้อตกลงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องระงับการส่งยางพาราผ่านแดนไทยไว้ก่อน

นายรังสิมันต์ ยังกล่าวว่า กมธ.ยังได้หารือเรื่องยางพาราสวมสิทธิ์ และทราบดีว่ามีการกำหนดโควต้ายางพารากับเกษตรกรในพื้นที่ หากเกิดการสวมสิทธิ์ก็มีไม่มากเกินไปกว่าโควต้า เรายังเป็นห่วง และกำชับให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบไม่ให้มีการนำยางพาราจากเมียนมามาสวมสิทธิในไทย และจะทำให้ราคายางพาราในไทยตกต่ำอีก ทั้งนี้เข้าใจข้อจำกัดในการเข้าตรวจสอบของรัฐ แต่การตั้งลิมิตโควต้าไว้อาจเป็นช่องว่างให้เกิดการสวมสิทธิได้

นอกจากนี้ยังได้หารือปัญหาอื่นอีก เช่น การลักลอบเข้าเมือง ปัญหายาเสพติด โดยเฉพาะปัญหาแรงงานลักลอบเข้าเมืองในขณะที่สถานการณ์ในเมียนมามีความไม่สงบ เกิดสงครามกลางเมือง อาจทำให้มีผู้หลบหนีภัยเข้ามา คำถามคือเราจะแยกผู้หลบหนีภัยสงครามกับแรงงานที่ลักลอบเข้าเมืองอย่างไร เป็นประเด็นที่จะติดตามต่อไปในอนาคต

ส่วนประเด็นเรื่องยาเสพติด นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ทุกส่วนได้เสริมกำลังเพื่อให้มั่นใจว่าสังขละบุรีจะมีความปลอดภัย มีหน่วยงานนำเสนอการขอมีเครื่องเอกซเรย์ซึ่งจะช่วยในการสแกนสิ่งของผิดกฎหมายในยานพาหนะ และหน่วยงานจากการยางแห่งประเทศไทยได้เสนอแนะว่าหากในอนาคตจะมียางพาราผ่านแดนอีก ควรขนส่งในตู้คอนเทนเนอร์ จะลดความสกปรกของถนนและมลพิษ การปนเปื้อนต่างๆ รวมถึงเครื่องชั่งน้ำหนักด้วย

“ชายแดนเป็นทั้งโอกาสและเป็นทั้งวิกฤติ วันนี้หากเราไม่มีการจัดการอะไรเลย แล้วยังปล่อยทุกอย่างเป็นไปอย่างนี้ มันจะกลายเป็นวิกฤติอย่างแน่นอน ผมคิดว่ารัฐบาลควรให้ความสนใจเรื่องกิจการชายแดนให้มากกว่าที่เป็นอยู่ หากเราปล่อยไว้แบบนี้ เราไม่ส่งทรัพยากรไปช่วยเหลือชายแดน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคนเข้าเมือง เรื่องสินค้าต่างๆ หรือเรื่องความมั่นคงจะมีปัญหาแน่นอน“ นายรังสิมันต์ กล่าวฝากเรื่องนี้ถึงรัฐบาล

ส่วนประเด็นที่ผู้ประกอบการนำผ่านยางพาราร้องเรียนว่ายังมีรถบรรทุกยางพาราตกค้างอยู่ในฝั่งเมียนมากว่า 130 คัน จะแก้ปัญหาอย่างไรนั้น นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องรถบรรทุก 130 คัน ตนยังไม่ได้รับข้อมูลว่า แท้จริงแล้วเป็นยางพาราจำนวนเท่าไหร่แต่โดยทั่วไปคือพ่วงละ 30 ตัน และยางพาราดังกล่าวเป็นยางพาราแปรรูปประเภทใดหรือไม่ เพราะที่ผ่านมายางพาราไม่มีคุณภาพทำให้เกิดความเสี่ยงเรื่องโรคติดต่อของพืช รวมถึงมีการจัดเก็บอย่างไรยังมีปัญหาเชิงรายละเอียดแบบนี้อยู่

ส่วนการที่ยางพารายังค้างอยู่ตรงนี้ยังคงมีทางเลือกว่าผู้ประกอบการจะใช้การขนส่งทางทะเลจากเมียนมาไปมาเลเซียได้เลยหรือไม่ แต่ในมุมนี้ผู้ประกอบการได้มาสะท้อนแล้วว่ายังมีปัญหาเรื่องการสู้รบอยู่ที่ไม่สามารถจัดการได้ โดยทางคณะกรรมาธิการจะรวบรวมข้อคิดเห็นต่างๆที่รับฟังมาเพื่อมาหาทางแก้ไขลดผลกระทบให้ได้มากที่สุด แต่ก็ยืนยันว่าวันนี้เรามีกรอบกฎหมายของเราที่เราต้องปฏิบัติตาม คือยังไม่สามารถนำยางพาราเข้ามาในประเทศไทยเพื่อผ่านแดนไปยังประเทศที่สามได้ โดยจะรวบรวมความคิดเห็นทั้งหมดนำเสนอต่อรัฐบาลต่อไป

Related Posts

Send this to a friend

Thailand Web Stat