POLITICS

ศาลพิพากษาจำคุก 4 เดือน ธนาธร-พิธา พร้อมพวกรวม 8 คน คดีแฟลชม็อบ รออาญา 2 ปี

ศาลพิพากษาจำคุก 4 เดือน ธนาธร-พิธา พร้อมพวกรวม 8 คน คดีแฟลชม็อบ รออาญา 2 ปี ปรับ 20,200 บาท – พิธา ยืนยันอุทธรณ์สู้คดีต่อ ติดใจประเด็นชุมนุมใกล้เขตพระราชฐาน 150 เมตร วัดจากจุดไหน

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ พร้อมด้วยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ นายปิยบุตร แสงกนกกุล นางสาวพรรณิการ์ วานิช และพวกรวม 8 คน ซึ่งตกเป็นจำเลยในข้อหาร่วมกันเป็นผู้จัดการชุมนุมสาธารณะ โดยไม่แจ้งจัดการชุมนุม, ร่วมกันจัดการชุมนุมสาธารณะ โดยกีดขวางทางเข้าออก หรือรบกวนการปฏิบัติงาน หรือการใช้บริการสถานีรถไฟ, ร่วมกันจัดการชุมนุมสาธารณะ โดยไม่ดูแลและรับผิดชอบการชุมนุมสาธารณะ ไม่ให้เกิดการขัดขวางเกินสมควรต่อประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะฯ, ชุมนุมสาธารณะในระยะไม่เกิน 150 เมตรจากพระราชวัง และร่วมกันโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต เดินทางไปฟังคำพิพากษาของศาลแขวงปทุมวัน

จากกรณีชักชวนให้ประชาชนมาร่วมชุมนุมแฟลชม็อบที่สกายวอล์กปทุมวัน เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2562 เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม หลังคณะกรรมการการเลือกตั้งมีมติยื่นศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคอนาคตใหม่ คดีกู้ยืมเงินจากนายธนาธร 191 ล้านบาท และจำเลยยังสลับกันขึ้นปราศรัยในการชุมนุมดังกล่าว

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เมื่อจำเลยประกาศเชิญชวนร่วมชุมนุมผ่านเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ของกลุ่มจำเลยเอง ย่อมรู้อยู่แล้วว่าหากประกาศโพสต์เชิญชวนจะต้องมีประชาชนมาร่วมชุมนุมจำนวนมาก ดังนั้น จำเลยจึงเป็นผู้จัดการชุมนุมโดยแบ่งหน้าที่กันทำ ศาลเห็นว่าจำเลยไม่สามารถรับผิดชอบต่อการชุมนุมไม่ให้กีดขวางการสัญจรของประชาชนต่อระบบขนส่งสาธารณะและการชุมนุมอยู่ในเขตพระราชฐาน ใกล้กับพระราชวังสระปทุมในระยะ 150 เมตร จึงพิพากษาจำคุก 4 เดือนปรับ 10,000 บาท

ทั้งนี้ เมื่อพิเคราะห์อายุประวัติสถานะทางสังคมความมีชื่อเสียงและมีผู้ติดตามจำนวนมาก จำเลยไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน และการชุมนุมเป็นการแสดงออกแสดงความคิดเห็นทางการเมือง ไม่ใช่อาชญากรรมร้ายแรง เห็นควรให้รอลงอาญาเป็นเวลา 2 ปี ส่วนกรณีที่จำเลยไม่แจ้งการชุมนุมและใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ปรับพินัย ศาลสั่งปรับ 20,200 บาท

นายกฤษฎางค์ นุสจรัส ทนายความ กล่าวภายหลังศาลพิพากษาว่า จำเลยยังติดใจในประเด็นเรื่องของระยะ 150 เมตรของเขตมาตรฐานว่าวัดจากจุดไหน ซึ่งพฤติการณ์ดังกล่าว มีการเทียบเคียงกับคดีอื่นที่มีการชุมนุมสถานที่เดียวกัน จุดเดียวกัน แต่ศาลอาญากรุงเทพฯ ใต้ มีคำพิพากษายกฟ้องใกล้เขตพระราชฐานในระยะ 150 เมตร

นอกจากนี้ ในประเด็นเรื่องการไม่แจ้งการชุมนุมต่อเจ้าพนักงาน ศาลแขวงจังหวัดเชียงรายเคยมีคำวินิจฉัยว่าไม่จำเป็นต้องขออนุญาต เพียงแต่ต้องแจ้งพนักงานสอบสวน แต่หากมีการโพสต์ผ่านสื่อโซเชียลก็ถือว่าเจ้าหน้าที่รับรู้แล้ว ซึ่งคดีนี้ตำรวจรับรู้ ตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคม 2562 แล้วว่ามีการชุมนุม เนื่องจากจำเลยโพสต์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ และความคิดเห็นส่วนตัวในฐานะทนายคิดว่าจำเลยควรที่จะอุทธรณ์คดี

นายพิธา กล่าวว่า จากการหารือกับจำเลยคนอื่นว่าจะต้องยื่นอุทธรณ์คดี เพราะมีประเด็นข้อเท็จจริงเรื่องของระยะของการชุมนุมใกล้เขตพระราชฐาน อาจจะมีความคลาดเคลื่อนของ 150 เมตรว่าวัดจากจุดไหน เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานกับคดีอื่น ๆ พร้อมระบุว่าการที่ศาลตัดสินในลักษณะนี้ ไม่ทำให้พระก้าวไกลเสียเครดิตทางการเมือง เนื่องจากประชาชนมีความเข้าใจในข้อเท็จจริง ตนอยากโฟกัสเรื่องงานเพราะสัปดาห์หน้าจะไปสภาฯ อภิปรายเรื่องของปัญหาการประมง

นายปิยบุตร กล่าวว่า คดีนี้มีหลายประเด็นในการยื่นอุทธรณ์ต่อ พร้อมเทียบเคียงกับคดีปิดสนามบินซึ่งมีผลกระทบจำนวนมาก และเป็นความผิดชัดเจน แต่ศาลพิจารณาสั่งปรับคนละ 20,000 บาท ส่วนคดีการชุมนุมของแฟลชม็อบ เป็นการชุมนุมใช้ระยะเวลาไม่นานหลังเลิกชุมนุมก็ช่วยกันเก็บขยะ ศาลใช้ระยะเวลาอ่านคำพิพากษานานกว่าการชุมนุมดังกล่าว สุดท้ายถูกจำคุกถึง 4 เดือน ปรับ 20,200 บาท เป็นเหตุที่จะต้องอุทธรณ์คดีเพื่อให้ศาลสูงพิจารณา ส่วนเรื่องความไม่เหมาะสมของกฎหมายก็อยากฝากให้พรรคก้าวไกลไปพิจารณาแก้ไขในสภาฯ ต่อไป

Related Posts

Send this to a friend