POLITICS

กมธ.พัฒนาการเมือง เผย ปชช.ร้องเรียน ส.ส. ช่วย อบต.หาเสียง

กมธ.พัฒนาการเมือง สรุปผลการประชุม เผย ปชช.ร้องเรียน วีระกร นครสววรค์ ช่วยอบต.หาเสียง เข้าข่ายผิด พรบ.การเลือกตั้งท้องถิ่น พร้อมตั้งคณะทำงานจับตาการเลือกตั้งนายกอบต.ทั่วประเทศ

วันนี้ (4 พฤศจิกายน 2564) สุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา ส.ส.นครปฐม เขต 3 พรรคก้าวไกล ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน เเละการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร แถลงสรุปผลการประชุมของคณะกรรมาธิการ พร้อมด้วยข้อเรียกร้องจากประชาชนต่อกรรมาธิการ ในประเด็นให้ตรวจสอบ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ช่วยหาเสียงผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ( อบต.)

สุทธวรรณ กล่าวว่า คณะกรรมาธิการได้มีการประชุมครั้งที่ 69 เมื่อวันพุธ ที่ 2 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา เพื่อพิจารณาศึกษาในการมีสวนร่วมของประชาชน ในการเป็นอาสาพัฒนาการเมืองและส่งเสริมการเลือกตั้ง โดยมีผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งผู้แทนสถาบันพระปกเกล้า ผู้แทนกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ผู้แทนองค์กรภาคประชาชน ได้แก่ เครือข่าย We Watch ผู้แทนโครงการ ELECT เข้าร่วมประชุม โดยมีแผนจะดำเนินโครงการอาสาพัฒนาการเมืองและส่งเสริมการเลือกตั้ง เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการตรวจสอบการเลือกตั้งให้มีความโปร่งใส สุจริต และเที่ยงธรรม

นอกจากนี้ ทางคณะกรรมาธิการยังได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนในหลายเรื่อง อาทิ กรณีประชาชนจาก ต.พระนอน อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ที่ร้องเรียนในการช่วยผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ( อบต.) ที่มีเเนวโน้มขัดต่อกฎหมาย ที่ระบุว่าห้ามข้าราชการการเมืองช่วยหาเสียงการเลือกตั้ง โดยประชาชนได้ส่งคลิปให้กับทางคณะกรรมาธิการ ซึ่งพิจารณาเเล้วเห็นว่าเป็นข้อกังวล ที่จะเข้าข่ายผิดกฎหมาย โดยทางคณะกรรมาธิการได้สอบถามไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง ให้ความเห็นว่าเป็นการฝ่าฝืนพรบ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น พ.ศ.2562 ตามมาตรา 34 ได้ระบุว่า ห้ามบุคคลตามมาตรา ๓๔ ดำเนินการใด ๆ ที่เป็นคุณหรือเป็นโทษแก่ผู้สมัครใดตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 และตามมาตรา 69 ระบุไว้ว่า ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐใช้ตำแหน่งหน้าที่กระทำการใด ๆ อันเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่ผู้สมัคร เว้นแต่เป็นการกระทำตามหน้าที่และอำนาจ

ในกรณีมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่ามีการฝ่าฝืนบทบัญญัติตามวรรคหนึ่ง ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งมีอำนาจสั่งให้เจ้าหน้าที่ของรัฐยุติ ระงับ หรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขการกระทำดังกล่าว รวมถึงมาตรา 126 วรรคสอง ระบุไว้ว่า ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 65 (3) (4) หรือ (5) หรือมาตรา 69 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่ง เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนดยี่สิบปี ทางคณะกรรมาธิการ จึงได้ตั้งคณะทำงานติดตามสถานการณ์การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลทั่วประเทศ

คณะกรรมาธิการ พร้อมจะส่งคลิปหลักฐานให้คณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาต่อไป

Related Posts

Send this to a friend