กรมชลประทาน เร่งระบายน้ำรับปริมาณฝนที่เพิ่มขึ้นสัปดาห์หน้า
กรมชลประทาน เร่งระบายน้ำควบคู่วางแผนจัดการน้ำ รองรับปริมาณฝนที่เพิ่มขึ้นสัปดาห์หน้า
วันนี้ (4 ส.ค. 68) นายเดช เล็กวิชัย รองอธิบดีกรมชลประทาน ประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสภาพอากาศ สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำ แม่น้ำสายหลักต่าง ๆ สำหรับเป็นข้อมูลในการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูฝนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ปัจจุบันอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศมีปริมาณน้ำรวมกันกว่า 50,275 ล้าน ลบ.ม. (66% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) รับน้ำได้อีก 26,228 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกันกว่า 17,049 ล้าน ลบ.ม. (69% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) รับน้ำได้รวมกันอีก 7,822 ล้าน ลบ.ม.
ที่ผ่านมามีปริมาณน้ำจากฝนที่ตกไหลลงอ่างฯ อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เขื่อนสิริกิติ์มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 ของความจุ รับน้ำได้อีกประมาณ 1,511 ล้าน ลบ.ม. กรมชลประทานจึงร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย พิจารณาปรับเพิ่มการระบายน้ำในอัตรา 45-50 ล้าน ลบ.ม./วัน ไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ด้านท้าย เนื่องจากปัจจุบันปริมาณฝนเริ่มลดลง ส่งผลให้น้ำในแม่น้ำยมและแม่น้ำน่านด้านท้ายเขื่อนสิริกิติ์ลดลง สามารถระบายได้ดี โดยจะเริ่มปรับการระบายน้ำวันที่ 4-10 ส.ค.นี้ เพื่อรักษาระดับน้ำในอ่างฯ
สำหรับน้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ที่สถานีวัดระดับน้ำ C2 จังหวัดนครสวรรค์ ปริมาณน้ำลดลงต่อเนื่อง กรมชลประทานได้ปรับลดการรับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาเข้าระบบชลประทานทั้ง 2 ฝั่ง เพื่อรักษาระดับน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ลดผลกระทบต่อกระชังปลาในลำน้ำสะแกกรัง ยกระดับน้ำเข้าพื้นที่การเกษตรเหนือเขื่อนที่ยังไม่ได้เก็บเกี่ยว พร้อมควบคุมปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนให้อยู่ในเกณฑ์ต่ำสุด
ทั้งนี้ ได้กำชับโครงการชลประทานทุกพื้นที่ให้เฝ้าระวัง และติดตามสถานการณ์น้ำใกล้ชิด วางแผนบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ พิจารณาปรับการระบายน้ำรองรับปริมาณฝนที่จะเพิ่มขึ้นในวันที่ 5-7 และ 11-18 ส.ค.นี้ ตามการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา
นอกจากนี้ ให้ปฏิบัติตาม 9 มาตรการรับมือฤดูฝนปี 68 ตรวจสอบอาคารชลศาสตร์และกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำต่อเนื่อง กำหนดพื้นที่เสี่ยง และมอบหมายเจ้าหน้าที่พร้อมเครื่องจักรเครื่องมือประจำจุดเสี่ยง เพื่อเข้าช่วยเหลือพื้นที่ได้ทันท่วงที
