‘พริษฐ์’ ยก 4 เหตุผล เสนอประธานสภาฯ เร่งหาข้อสรุปตั้ง กมธ.สามัญ
ด้าน ‘วันนอร์’ ขานรับ มอบรองประธานสภาฯ คนที่ 2 ดำเนินการ คาดประชุมตัวแทนพรรคเร็ว ๆ นี้
วันนี้ (4 ส.ค. 66) ในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา นายวันมูฮัมหมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา กล่าวถึงความคืบหน้าข้อเสนอของ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่เสนอประธานสภาผู้แทนราษฎรในที่ประชุมสภาฯ เมื่อวานนี้ (3 ส.ค. 66) ให้รีบนัดตัวแทนทุกพรรคการเมือง เพื่อหาข้อสรุปเกี่ยวกับการตั้งกรรมาธิการสามัญ 35 คณะโดยเร็วที่สุด ไม่จำเป็นต้องรอรัฐบาลใหม่ พร้อมระบุว่า ได้ให้ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ คนที่ 2 ซึ่งดูแลเรื่องกรรมาธิการ เป็นผู้ดำเนินการ คาดว่าในสัปดาห์นี้หรือสัปดาห์หน้าจะสามารถแจ้งสัดส่วนใน กมธ. ให้ สส. ทราบได้
จากนั้น นายพริษฐ์ ใช้สิทธิพาดพิง พร้อมชี้แจงว่า ในข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ไม่ได้ผูกติดเงื่อนไขให้การตั้ง กมธ.สามัญ 35 คณะ ต้องรอให้มีฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้านก่อน เพียงแต่กำหนดสัดส่วนของแต่ละพรรคการเมืองตามจำนวน สส. ที่มีอยู่ นอกจากนั้น หากตั้ง กมธ.สามัญได้ก่อนมีการจัดตั้งรัฐบาล อาจช่วยให้สภาฯ ทำหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดุลฝ่ายบริหารได้มีประสิทธิภาพและเข้มข้นมากขึ้น
ทั้งนี้ นายพริษฐ์ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กเพจส่วนตัว ชี้แจงเหตุผลของข้อเสนอดังกล่าวด้วยว่า ตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2562 ข้อที่ 90 กำหนด กมธ.สามัญไว้ 35 คณะ แบ่งตามประเด็นปัญหาต่าง ๆ ของประชาชน เช่น พัฒนาเศรษฐกิจ พัฒนาการเมือง การเกษตรและสหกรณ์ การศึกษา โดยธรรมเนียมปฏิบัติที่ผ่านมา สภามักตั้งคณะกรรมาธิการสามัญ หลังจากมีการจัดตั้งรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว แต่ด้วยกติกาการเมืองที่ไม่ปกติ สภาผู้แทนราษฎรชุดที่ 26 ได้ดำเนินการมาครบ 1 เดือนวันนี้ หรือคิดเป็น 1 ใน 4 ของสมัยประชุมนี้ โดยที่ยังไม่มีรัฐบาลใหม่ และไม่แน่ใจว่าจะมีเมื่อไหร่
พรรคก้าวไกลจึงเสนอให้สภาฯ พิจารณาเร่งรัดการตั้งคณะกรรมาธิการสามัญอย่างเร็วที่สุด ไม่จำเป็นต้องรอการตั้งรัฐบาลใหม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่กระทำได้ตามข้อบังคับโดยมี 4 เหตุผลประกอบ ดังนี้
เหตุผลที่หนึ่ง การตั้งคณะกรรมาธิการสามัญ จะทำให้ประเทศมีกลไกเพิ่มเติมในการรับเรื่อง ศึกษา และเร่งรัดการแก้ไขปัญหาประชาชน ในส่วนกลไกฝ่ายบริหาร เข้าใจว่าสังคมและผู้แทนราษฎรอาจยังมีความเห็นต่างกัน ว่าควรจะหาสมดุลอย่างไร ระหว่างการมีรัฐบาลที่เร็ว กับรัฐบาลที่เป็นไปตามมติมหาชนและผลการเลือกตั้ง แต่ในส่วนกลไกฝ่ายนิติบัญญัติ การตั้งคณะกรรมาธิการสามัญสามารถดำเนินการได้ทันที โดยไม่มีปัญหาลักษณะดังกล่าว เนื่องจากเลขาธิการสภาได้แจ้งกับ ส.ส. ทุกคนตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ว่าทางเจ้าหน้าที่ได้จัดสรรจำนวนกรรมาธิการของแต่ละพรรคเรียบร้อยแล้ว
เหตุผลที่สอง การตั้งคณะกรรมาธิการสามัญ จะช่วยให้ใช้เวลาอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ถ้าดูระเบียบวาระที่ถูกบรรจุเข้ามาในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร จะเห็นหลายวาระที่เป็นญัตติในการใช้กลไกของการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อเร่งรัดการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ
ปัญหาเหล่านี้ ล้วนเป็นปัญหาที่สำคัญเร่งด่วนต่อประชาชน แต่หากมีคณะกรรมาธิการสามัญ 35 คณะตั้งขึ้นมาแล้ว บางปัญหานั้นสามารถถูกแก้ไขได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านกลไกกรรมาธิการสามัญ ทำให้มีเวลาในห้องประชุมใหญ่เพิ่มมากขึ้นในการพิจารณาร่างกฎหมายต่าง ๆ ที่ต่อคิวอยู่จำนวนไม่น้อย
เหตุผลที่สาม การตั้งคณะกรรมาธิการสามัญ จะช่วยปลดล็อกให้กลไกนิติบัญญัติอื่น ๆ ของสภาที่มีความเชื่อมโยงกับบทบาทของคณะกรรมาธิการสามัญ เดินหน้าต่อได้ ตัวอย่างหนึ่งที่ชัดคือกระบวนการคัดค้านคำวินิจฉัยของประธานสภาว่าร่างพระราชบัญญัติใดเป็นร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวกับการเงินที่ต้องส่งให้นายกฯ รับรอง ซึ่งข้อบังคับข้อ 114 และ 115 กำหนดให้เป็นอำนาจของการประชุมร่วมกันของประธานสภาและประธานคณะกรรมาธิการสามัญทุกคณะ
เหตุผลที่สี่ การตั้งคณะกรรมาธิการสามัญก่อนจะรู้หน้าตาของรัฐบาล อาจเป็นประโยชน์ต่อการทำหน้าที่ของสภาในการตรวจสอบฝ่ายบริหาร หากเราย้อนไปดูสถิติของสภาชุดล่าสุด จะพบว่าในบรรดาคณะกรรมาธิการสามัญที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับกระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง เกินครึ่งหนึ่งจะมีประธานที่สังกัดพรรคเดียวกันกับรัฐมนตรีประจำกระทรวงนั้น การจัดองค์ประกอบเช่นนี้ทำให้ประชาชนหลายคนตั้งข้อกังวลว่า อาจเป็นการทำให้การทำหน้าที่ของคณะกรรมาธิการในการตรวจสอบการทำงานของกระทรวงนั้นเข้มข้นน้อยลง ดังนั้น การตั้งคณะกรรมาธิการสามัญก่อนจะรู้ว่าพรรคใดเป็นรัฐบาลหรือใครเป็นรัฐมนตรี อาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของคณะกรรมาธิการสามัญในการตรวจสอบรัฐบาล
ด้วยเหตุผล 4 ประการนี้ จึงเสนอประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้รีบนัดตัวแทนของทุกพรรคการเมือง เพื่อร่วมกันหาข้อสรุปเกี่ยวกับข้อเสนอของพรรคก้าวไกลในการตั้งกรรมาธิการสามัญ 35 คณะอย่างเร็วที่สุด โดยไม่จำเป็นต้องรอรัฐบาลใหม่












