‘เพื่อไทย’ รับ เตะถ่วงกฎหมายลูกจริง
‘ชลน่าน’ มองไม่เป็นองค์ประชุมยังดีกว่าดันกฎหมายมีปัญหา โต้กลับรัฐบาลกลับลำกลางวาระ 2 “ควรอับอาย”
วันนี้ (4 ส.ค. 65) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จังหวัดน่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ถึงกรณีที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาล่มเมื่อวานนี้ (3 ส.ค. 65) ว่ามีนัยทางการเมืองจริง
นพ.ชลน่าน ชี้แจงว่า ต้องดูที่ตัวร่างกฎหมาย ว่าสมาชิกรัฐสภาต้องการให้ออกมาบังคับใช้หรือไม่ ถ้ามองว่ามีปัญหา อย่างการลงมติตามกรรมาธิการฯ เสียงข้างน้อย ขัดหลักการบัตรสองใบในระบบคู่ขนานที่แก้ไขรัฐธรรมนูญมาแล้ว และจะทำให้ยิ่งมีปัญหามากขึ้นในการคำนวณ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อต่อไป ดังนั้น กลไกตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 132 อย่างการกำหนดระยะเวลาพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 180 วัน มิฉะนั้น ให้ใช้ร่างกฎหมายที่เสนอมาในวาระแรกบังคับใช้เลย จึงเป็นทางออก เป็นการระงับยับยั้งกฎหมายที่สมาชิกรัฐสภาเห็นว่าไม่ชอบและใช้บังคับไม่ได้
นพ.ชลน่าน มองว่า พรรคเพื่อไทย แพ้มติมาตั้งแต่มีการสั่งการพลิกมติให้สนับสนุนรูปแบบจัดสรรปันส่วนผสม (MMP) คือการหาร 500 แล้ว สิ่งที่เราคิดในการทำหน้าที่ของเราตลอด คือจะทำอย่างไรให้กฎหมายที่เสนอมาโดยชอบนั้นกลับมาให้ได้ พบว่ามี 3 แนวทาง ได้แก่
- ปล่อยให้มีการลงมติในวาระที่ 3 แล้วรอคำทักท้วงจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หรือศาลรัฐธรรมนูญ หรือศาลฎีกา
- คว่ำกฎหมายในวาระที่ 3 หรือเสียงสมาชิกรัฐสภาเห็นชอบไม่ถึงกึ่งหนึ่ง
- พิจารณาไม่ทันตามกรอบเวลา 180 วัน
นพ.ชลน่าน ชี้แจงว่า สมาชิกพรรคเพื่อไทยตรองมาแต่แรกแล้วว่า ชอบแนวทางที่ 3 เพราะแนวทางที่ 1 เราไม่รู้ว่าองค์กรเหล่านั้นจะทักท้วงมาหรือไม่ ส่วนแนวทางที่ 2 กฎหมายตกไปซึ่งสุ่มเสี่ยงต่อการเป็นข้ออ้างแก้ไขรัฐธรรมนูญกลับไปบัตรใบเดียวผสมกับสูตรหาร 500
“เพื่อไทยชอบแนวทางที่ 3 บอกให้เลย เพราะเราเห็นว่า 500 ไม่ชอบด้วยกระบวนการ ทางออกมีทางเดียวคือกรอบเวลา 180 วัน เรายืนของเรามาอย่างนี้ตลอด มันไม่ใช่เป็นเกม แต่เป็นกลไกทางสภาฯ ที่เราคิดว่าเหมาะสมที่สุด ส่วนใครจะมาร่วมด้วยอย่างไรก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เราก็สู้แบบนี้ต่อ”
นพ.ชลน่าน ยังกล่าวว่า เรายึดประโยชน์สูงสุด ด้วยความชอบตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย โดยไม่ยึดติดว่าหารอะไร ความพยายามในการระงับยับยั้งกฎหมายเมื่อวานนี้คงเป็นเพราะสมาชิกส่วนหนึ่งเห็นแล้วว่ากฎหมายมีปัญหา ซึ่งการไม่เป็นองค์ประชุม ถือเป็นกลไกการทำหน้าที่อย่างหนึ่ง ดีไม่ดี ให้ดูที่ผลที่เกิดขึ้น หากเป็นผลดีต่อประเทศชาติคือถือเป็นสิ่งที่ดี แต่ทำงานดีแล้วไม่เป็นผลดีกับประเทศชาติผมไม่ได้มองว่าเป็นสิ่งที่ดีนะ
“มันเป็นร่างของ ครม. ที่เสนอมา ครม. นั่นแหละ ควรจะต้องอับอาย ที่หักร่างตัวเอง” นพ.ชลน่าน กล่าว