‘เอกนัฏ’ ปัด รทสช.ร้าว ชี้ภาพ ‘สุชาติ’ กินข้าวกลุ่ม สส.แค่เรื่องปกติ ยันคุยแล้วทุกคนปฏิเสธย้ายพรรค

วันนี้ (4 มิ.ย. 68) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงกรณีปรากฏภาพ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และรองหัวหน้าพรรค รทสช. รับประทานอาหารร่วมกับ สส. บางส่วนของพรรคว่า เป็นเรื่องปกติในทางการเมืองที่อาจมีการสังสรรค์หรือรับประทานอาหารร่วมกัน แม้จะมีการนำภาพไปปลุกปั่นให้มีนัยทางการเมือง แต่ สส. ที่ปรากฏในภาพ อาทิ นายธนกร วังบุญคงชนะ นายศาสตรา ศรีปาน และนายจิรวุฒิ สิงโตทอง ก็ได้ออกมาปฏิเสธกระแสข่าวดังกล่าวแล้ว
นายเอกนัฏระบุว่า ไม่ได้ให้ความสำคัญกับภาพดังกล่าวและไม่กระทบต่อการทำงาน โดยเห็นว่าเป็นเรื่องปกติทางการเมืองที่กลายเป็นแฟชั่นไปแล้ว และเชื่อว่าประชาชนมีวิจารณญาณในการประเมินข่าวสารต่างๆ ทั้งยังตั้งข้อสังเกตถึงจำนวนบุคคลในภาพที่ถูกระบุคลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริง พร้อมเรียกร้องให้ผู้เสพข่าวมีสติในการรับข้อมูล
เลขาธิการพรรค รทสช. ยอมรับว่าภารกิจทั้งในฐานะรัฐมนตรีและเลขาธิการพรรคทำให้มีงานมาก อาจมีการสื่อสารที่ขาดตกบกพร่องไปบ้าง แต่พร้อมรับฟังและปรับปรุงการทำงาน ส่วนกรณีที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค ไม่ค่อยปรากฏตัวต่อสื่อนั้น นายเอกนัฏชี้แจงว่าเป็นบุคลิกและสไตล์การทำงานที่แตกต่างกัน โดยนายพีระพันธุ์เป็นคนมุ่งมั่นทำงานแต่อาจไม่เน้นการพูด ขณะที่ตัวนายเอกนัฏเองมีสไตล์การสื่อสารที่ตรงไปตรงมา
สำหรับกระแสข่าวที่ รทสช. อาจถูกบีบให้ไปเป็นฝ่ายค้านนั้น นายเอกนัฏกล่าวว่าเป็นเพียงการคาดการณ์ที่ไปไกลเกินจริง ยืนยันว่าไม่ได้รับการติดต่อหรือแรงกดดันใดๆ และการตัดสินใจดังกล่าวเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีแต่เพียงผู้เดียว ส่วนความสัมพันธ์กับนายสุชาติ นายเอกนัฏระบุว่าไม่มีอะไรติดใจ เข้าใจกติกาและมารยาททางการเมือง และพยายามรักษาสิ่งเหล่านี้ไว้ การพบปะสังสรรค์ของนักการเมืองเป็นเรื่องปกติ ตราบใดที่ยังอยู่ในกรอบกติกา
นายเอกนัฏเชื่อว่า รทสช. ยังมีเอกภาพเพียงพอในการทำงาน แม้ทุกพรรคการเมืองย่อมมีปัญหาภายในบ้างเป็นธรรมดา แต่สิ่งสำคัญคือการรักษาภาพรวม และไม่จำเป็นต้องแสดงออกด้วยการรับประทานอาหารร่วมกันออกสื่อเป็นพิเศษ ส่วนท่าทีของนายสุชาติหรือความต้องการตำแหน่งใดๆ นั้น เห็นควรให้สอบถามจากเจ้าตัวเองโดยตรง สำหรับข้อบังคับพรรคที่ห้ามสมาชิกฝักใฝ่พรรคอื่นนั้น นายเอกนัฏชี้แจงว่าเป็นการปรับปรุงตามปกติประจำปีเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ไม่ได้มีเจตนาเฉพาะเจาะจงถึงบุคคลใด