’เศรษฐา‘ แจง ราคายางสูงสุดในรอบ 10 ปี เห็นใจฝ่ายค้านต้องหาเรื่องมาบอกว่าไม่ใช่ผลงานรัฐบาล
’เศรษฐา‘ ลุกแจง ราคายางสูงสุดในรอบ 10 ปี เห็นใจ ฝ่ายค้านต้องหาเรื่องมาบอกว่าไม่ใช่ผลงานรัฐบาล ซัดแรง อดีตนายกฯ เคยเป็นคนใต้ แต่ทำไม่ได้ ขอ หามุกใหม่ ๆ มาดีกว่า เดี๋ยวจะไม่เหลืออะไร ยัน เป็นนายกฯ ของคนทั้งประเทศ ด้าน ‘ชวน‘ โต้ ขออภิปรายอยู่ในประเด็น ย้ำ ไม่ใช่คนสับปลับ พูดแต่ความจริง สส. เพื่อไทย ประท้วงวุ่น พาดพิงพรรค
วันนี้ (4 เม.ย. 67) ที่อาคารรัฐสภา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ลุกขึ้นชี้แจง ในเรื่องราคายางพารา ว่า เป็นที่หลายท่านให้ความสนใจเรื่องของรายละเอียด อุปสงค์อุปทาน ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ชี้แจงไปอย่างชัดเจนแล้ว ตนเองขอแสดงความดีใจกับพี่น้องชาวเกษตรที่ราคายางสูงสุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา และขอแสดงความเห็นใจกับฝ่ายค้าน ที่ไม่นึกว่าต้องลำบากหาเหตุผลว่าทำไมราคาอย่างดีไม่ใช่ผลงานของรัฐบาล เพราะท่านก็ทราบดีอยู่แล้วตั้งแต่เราเข้ามาทำงาน ราคายางก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า การอธิบายเรื่องราคายาง เราอธิบายไปแล้ว แต่ยังวกไปเวียน มาเพราะจริง ๆ แล้ว วิธีคิดในการบริหารงานของเราทั้ง 2 ฝ่ายไม่เหมือนกัน แต่เอาผลงานเป็นหลักว่าราคาอย่างดีที่สุดในรอบ 10 ปี การที่รัฐบาลมีการบริหารงานแบบโปรแอคทีฟ เข้าใจถึงปัญหา ลงรายละเอียดทุกเม็ด ก็เป็นส่วนทำให้ราคายางขึ้น ประเทศไทยควบคุมอุปทานอยู่ 30% ของยางทั่วโลก กล่าวคือมหาอำนาจของยางพาราโลกคือไทย เช่นเดียวกับซาอุดิอาระเบียซึ่งเป็นมหาอำนาจทางด้านน้ำมัน เราต้องมั่นใจว่าเราใหญ่ในเรื่องยางพารา ผู้นำต้องมีความกล้าในการผลักดันนโยบายต่าง ๆ ให้ราคายางสูง โดยทำงานเพื่อประชาชนให้เค้ากินดีอยู่ดี
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องการปราบยางเถื่อน ไม่ใช่แค่สั่ง แต่ลงไปดูรายละเอียด กระชับพื้นที่ทั้งฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายกระทรวงการคลัง กรมศุลกากร กระทรวงเกษตรฯ ที่ช่วยกันทำงาน ซึ่งก็กล่าวไปแล้วเมื่อวานนี้ เป็นเรื่องที่ทำให้ยางเถื่อนเถื่อนลด ถือเป็นเรื่องเศรษฐศาสตร์ 101 หากลดซัพพลาย ดีมานด์เพิ่มมากขึ้น ราคาก็สูงขึ้นเป็นธรรมดา ซึ่งหลาย ๆ ท่านก็น่าจะรู้ หากเราทำอย่างจริงจัง ก็สามารถทำได้ แต่ในอดีตที่ไม่มีการทำ โดยในช่วงรัฐบาลที่แล้ว ก็เป็นคนใต้ มีกินมีใช้มาจากยาง แต่ว่าดูแลอะไรที่เกินกว่าที่ตัวเองควรจะทำ รัฐบาลนี้มีใจ และทำงานอย่างแท้จริง เพื่อพี่น้องประชาชน และจะพยายามอย่างต่อไปที่จะรักษาราคายางให้สูงต่อไป
“ผมเชื่อว่าเรื่องนี้เรามั่นใจว่าเราทำได้ แต่ราคาของผู้อภิปรายเรื่องนี้ในสายตาประชาชน จะเป็นอย่างไร ผมรับผิดชอบไม่ได้ แต่ว่าเรื่องของราคาอย่างผมรับผิดชอบ” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ส่วนเรื่องปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ท่านสมาชิกที่เป็นอดีตนายกฯ ก็ได้อภิปรายไปพอสมควร ภาคใต้ไม่ใช่มีแค่ยางอย่างเดียว แต่มีโอกาสอื่นอีกมากมาย เราให้ความสนใจ แต่ก็ยังเวียนมา ท่านก็ยังเป็นฝ่ายค้านที่ยังงง ๆ อยู่เหมือนกัน ถ้าตนเองจำไม่ผิด นายชวน หลีกภัย เคยกล่าวไว้ในวันที่ 12 กันยายน 2566 ท่านได้กล่าวไว้ว่าพรรคเพื่อไทยพัฒนาจังหวัดเฉพาะจังหวัดที่เลือกเขา จังหวัดอื่นไว้ทีหลัง ท่านพูดชัดเจน ซึ่งตนเองพิสูจน์ให้เห็นว่า ตนเองเป็นนายกฯ ของคนทั้งประเทศ ไม่เคยแบ่งแยกพื้นที่ตามคะแนนเสียงที่ได้รับ การที่ลงไปในพื้นที่จังหวัดใช้ในภาคใต้หลายหน ถือว่าเป็นเรื่องที่ประจักษ์ดีอยู่แล้ว
“เรื่องมุกด้อยค่าพรรคที่คนละพรรคกับท่าน เป็นมุกเดิม ๆ จริง ๆ แล้ว ลองใช้มุกใหม่ดูบ้าง ทุกวันนี้ สส. ก็ไหลไปอยู่พรรคอื่น คะแนนเสียงพรรคตัวเองก็น้อยลงเยอะทุกวัน ลองอะไรใหม่ ๆ บ้างดีกว่า ไม่งั้นเดี๋ยววันหลังจะไม่เหลืออะไรในพื้นที่เลย น่าเสียดาย เป็นพรรคที่มีอุดมการณ์มาตลอด ผมก็เป็นห่วง ขอให้มันท้าทายหน่อย ไม่ใช่เอามุกเดิม ๆมาพูดกันตลอดเวลา” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายเศรษฐา ยืนยันว่า ตนเองเป็นนายกฯ ของคนไทยทั้งประเทศ ไม่เคยมาแยกพื้นที่ตามคะแนนเสียงที่ได้รับ เชื่อว่าการกระทำของตนเองประจักษ์อยู่แล้ว แต่เกรงว่าท่านจะเลือกอธิบายหรือไม่ ก็เป็นสิทธิ์ของท่าน แต่ถ้าจำไม่ผิด ท่านแสดงถึงความมั่นคงอภิปรายแบบนี้มาตลอด 20 ปี ตั้งแต่สมัยอดีตนายกฯ ทักษิณ ว่าเราพูดถึงปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ในเรื่องของความมั่นคงตลอดเวลา ตนเองก็อยากจะเปลี่ยนมุมมองใหม่บ้าง ว่าสามจังหวัดชายแดนใต้เรื่องความมั่นคงเป็นเรื่องสำคัญ แต่เราพยายามมาหลายปีแล้ว ก็ยังไม่ได้ผล จึงนำเรื่องโอกาสเข้ามาเสริม หากมั่งคั่ง ก็คงมั่นคงเข้ามาบ้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหาร ซอฟต์พาวเวอร์ วัฒนธรรม ยังมีการทำการค้าขายเชิงพาณิชย์ต่อเนื่อง และจะลงไปอีก ไปดูแล ซึ่งจริง ๆ แล้วพูดต่อไปก็ยาวเปล่า ๆ เสียเวลา เพราะมุมมองเราไม่เหมือนกัน ตนเองมุ่งไปทางการพัฒนาความมั่งคั่ง และไม่เคยละเลยเรื่องความมั่นคงด้วย
ส่วนท่าน สส. ฝ่ายค้าน มองการแก้แก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ต้องกลับไปแก้ไขอดีต แต่รัฐบาลนี้ เราเข้าใจอดีต แต่เรามองไปในอนาคต วิธีมองก็ต่างกัน ตนเองเชื่อว่าท่านหวังดี แต่วันนี้เราเป็นรัฐบาล ก็ขอลองวิธีใหม่ ๆ บ้าง แนวทางการพัฒนาคือเราทำให้ทุกคนเจริญไปด้วยกันกับโอกาส ส่วนเรื่องคนที่ผิด ก็ต้องเดินหน้าตามกระบวนการ ไม่ได้หยุด มั่นใจใน 4 ปีนี้ ประเทศเราจะเจริญมากกว่าที่รัฐบาลอื่นๆเคยทำมา
“ผมขอให้ความเชื่อมั่นต่อพี่น้องประชาชนว่านายกฯ คนนี้ จะไปทุกพื้นที่ จะมองเห็นทุกภูมิภาค และจะทำงานทุกวัน เพื่อคนไทยทุกคน ประชาชนเลือกนักการเมืองได้ แต่นักการเมืองเลือกประชาชนไม่ได้ ทุกภารกิจของผม จะพิสูจน์คำพูดในวันนี้ เพื่อประชาชนทุกคน“ นายกรัฐมนตรี กล่าวทิ้งท้าย
ต่อมา นายชวน หลีกภัย ได้ลุกขึ้นโต้ ว่า ขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ได้มาตอบ แต่ขอยืนยันว่าการที่นายกฯ ไปพูดกับนักธุรกิจว่าอย่าไปเชื่อที่ตนเองพูด ตนเองไม่เคยพูด อย่างที่ท่านการเลือกปฏิบัตินั้น ชัดเจนว่าพรรคไทยรักไทยเลือกปฏิบัติกับประชาชน โดยประกาศชัดเจนว่า จะพัฒนาเฉพาะจังหวัดที่เลือกไทยรักไทยก่อน จังหวัดอื่นไว้ทีหลัง ไม่ใช่เป็นมุกเดิม มุกเก่าอะไร แต่เป็นความจริงที่ปรากฏตลอดไป คำตลบตะแลงมันไม่ยั่งยืน แต่ความจริงยังยืนหยัดอยู่ พร้อมยืนยันว่า สิ่งที่นายกฯ ไปพูดกระแหนะกระแหนตนข้างนอกนั้น ไม่จริง ยืนยันว่าตนเป็นคนที่ไม่พูดอะไรสับปลับ หรือพูดอะไรที่ไม่รับผิดชอบ ตนไม่กล่าวหาใครที่ไม่เป็นความจริง ตนรู้ว่าคนที่ไม่พูดจริง คนที่โกหก โกงบ้านเมือง เป็นพวกเดียวกัน
นายชวน กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องยางก็ภาวนาให้เป็นอย่างที่ท่านพูด คือให้ราคาอย่างดีตลอดไป ที่เราให้ความเห็น เพื่อให้เห็นว่าความเชื่อว่าผลจากการปราบยางเถื่อนต่อไปนี้ยังจะดีตลอด ไม่เกี่ยวกับอุปสงค์ อุปทาน ความคิดของตนคิดว่าอุปสงค์ อุปทาน คือตัวสำคัญก็ ควรเป็นประเด็นสาระเหล่านี้ ไม่ควรต้องไปพาดพิงถึงพรรคอย่างโน้น อย่างนี้
“อย่างน้อยพรรคประชาธิปัตย์ ก็อยู่มานาน ไม่รับใช้พวกโกงบ้านเมือง ไม่ใช่อีแอบ เข้ามามีอำนาจโดยไม่ได้ผ่านการเลือกตั้ง ขอให้ท่านได้อยู่ในประเด็นที่เป็นประโยชน์ของบ้านเมือง ไม่ใช่จดลอกอะไรแล้วนำมาอ่าน มากระแหนะกระแหนในเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องประเด็นที่ตัวเองพูดไป ซึ่งผมรับผิดชอบในสิ่งที่พูดไป“ นายชวน กล่าว
นายชวน ย้ำว่า ตนเองไม่ได้โกรธอะไรเลยที่ท่านพูด แต่ท่านเข้าใจผิดว่าพูดว่าไทยรักไทย เป็นพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่า การเลือกปฏิบัติเกิดขึ้นในช่วงนั้น และส่งผลมาถึงตอนนี้ ขอร้องท่านว่าท่านคงมีบาปบุญ คุณโทษ คงรู้ว่าสิ่งที่ปฏิบัติไปในอดีต มีผลกระทบต่อความก้าวหน้าของภาคใต้ ขอความกรุณาว่าชดเชยการเสียเสียโอกาสจากงบประมาณที่ผ่านมา และการเอ่ยชื่อ สส. จังหวัดตรัง เพราะการอภิปรายเรื่องงบประมาณที่จัดสรรไปแต่ละภาคอย่างชัดเจนที่สุด ซึ่งขอยืนยันว่า ยังมีโอกาสคืองบประมาณปีต่อไป ที่เห็นว่าท่านจะระลึกถึงการเสียโอกาสของพื้นที่ อันเกิดจากการเลือกปฏิบัติหรือไม่
”ผมไม่ใช่คนที่พูดบ้าน้ำลายรายวัน สัมภาษณ์ไปเรื่อย ๆ ไม่ใช่ครับ เพราะฉะนั้น ขอได้โปรดเข้าใจว่า ถ้าประเด็นใดที่ผมพูดไม่จริง ผมจะไม่ทำ ถ้าพูดไปแล้ว ผมต้องรับผิดชอบ เพราะฉะนั้น ขอยืนยัน และไม่ได้ขอให้ท่านไปถอนคำพูดอะไร แต่ขอให้ท่านช่วยบอกนักธุรกิจที่ท่านพูดเขาว่าสิ่งที่ท่านผู้นั้นไม่ตรงกับความเป็นจริงที่ผมพูด“ นายชวน กล่าว
จากนั้น นายธีระชัย แสนแก้ว สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดอุดรธานี พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นประท้วง ว่า ตนเองเคยอยู่พรรคไทยรักไทย ท่านก็แผ่นเสียงตกร่องอยู่เรื่อย ตนเองว่าเลิกสักทีเรื่องเก่า ๆ และเดินหน้าดีกว่า โต ๆ กันแล้ว เคยเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี แผ่นเสียงตกร่องมาตั้งเกือบ 20 ปีแล้วที่ผ่านมา
ทำให้ นายชวน ลุกขึ้นตอบโต้ว่า ตนเองยอมรับว่าแผ่นเสียงตกร่องจริง ๆ แต่ความชั่ว ก็อยู่เหมือนเดิม ถ้ามันเปลี่ยน ไปตนเองจะไม่ย่ำอยู่ที่เดิม การทุจริต เลือกปฏิบัติมีผลพวงมาถึงปัจจุบันนี้
ต่อมานายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดเชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นประท้วงอีกครั้ง ว่า สิ่งที่นายชวน อภิปรายพาดพิงมายังพรรคเพื่อไทยที่ตนเองสังกัดอยู่ เกิดความเสียหายมาก ทั้งเรื่องการเลือกปฏิบัติ การบริหารงานในอดีต แม้จะบอกว่าท่านพูดแต่ความจริง แต่เป็นความจริงในความเข้าใจของท่านคนเดียวหรือไม่ ประเด็นนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ใช่ว่าจะอภิปรายแล้วสรุปในความคิดเห็นของตัวเอง ทำให้ผู้อื่นเสียหาย ตนเองมองว่ากระบวนการนี้ไม่ชอบ และที่สำคัญวันนี้เป็นการอภิปรายตามมาตรา 152 มีอะไรกับรัฐบาลเต็มที่ แต่หากพาดพิงมายังพรรคการเมือง บรรยากาศในห้องประชุมก็ไม่จบ
นายชวน จึงลุกขึ้นตอบว่า สิ่งที่ตนเองพูด เป็นข้อเท็จจริง ไม่ได้คิดเอาเอง และสามารถบอกท่านรัฐมนตรีได้ว่าสิ่งที่พูดเรื่องเลือกปฏิบัติ ใครเป็นคนพูด ตนเองตอบได้ แต่ว่าไม่มีความประสงค์เอ่ยนาม บอกท่านว่าอดีตนายกไม่ใช่แอบ ทำอีแอบ ท่านก็พูดแอบทำต่อหน้าประชาชน ว่าใครเลือกเรา ก็ทำตรงนั้น จังหวัดอื่นไว้ทีหลัง ทำให้คนอื่นเสียโอกาส ยืนยันในความจริงที่พูด
นายจุลพันธุ์ ตอบว่า เป็นความเข้าใจของแต่ละท่าน ในเรื่องความจริง ความเท็จ ที่อาจแตกต่างกันได้ แต่ถ้าสรุปสรุปแล้ว ทำให้พรรคการเมืองเสียหาย ก็ต้องลุกขึ้นประท้วง ยกตัวอย่างเช่น เรื่องงบประมาณ ยืนยันว่า มีงบประมาณลงไปในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ หากเป็นความเข้าใจของสมาชิกแต่ละคน จะเอาเหตุและผล ความเชื่อของตนมานำเสนอต่อสภา เพื่อโน้มน้าวสมาชิกก็ทำได้ เพราะเป็นสิทธิ์ แต่ถ้าสรุปว่าสิ่งที่พูดเป็นความความจริง แล้วคนอื่นเป็นคนเลว พวกตนเองจะเดินต่ออย่างไร
ด้านนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาคนที่สอง ในฐานะประธานในที่ประชุมนั้น ได้วินิจฉัยว่า ประชาชนรับทราบทุกเรื่อง ว่าอะไรคืออะไร ขอให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน และขอให้ไม่ต้องประท้วงแล้ว